แมนฯ ยูไนเต็ด มูลค่าร่วง 60 เปอร์เซ็นต์ หรือโรงละครแห่งความฝันสิ้นมนต์ขลังแล้ว?

แมนฯ ยูไนเต็ด มูลค่าร่วง 60 เปอร์เซ็นต์ หรือโรงละครแห่งความฝันสิ้นมนต์ขลังแล้ว?

รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด กล่าวในช่วงพิธีการหลังจบเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2024-25 ซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสโมสร

KEY

POINTS

Key points

  • มีการประเมินกันว่ารายได้จากการได้เข้าร่วมยูเอฟา แชมเปียนส์ ลีก มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านปอนด์ (4.4 พันล้านบาท) และอาจจะไปได้ถึง 150 ล้านปอนด์ (6.6 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นรายได้ที่แมนฯ​ ยูไนเต็ดสูญเสียในฤดูกาลหน้า
  • ตัวเลขที่น่าตกใจมากกว่าคือการที่มูลค่าของแมนฯ ยูไนเต็ด ตกลงไปมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีที่เคยร่ำรวยที่สุดในอังกฤษจากการทำธุรกิจบริษัทพลังงาน INEOS เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 27.5 เปอร์เซ็นต์ต่อจากครอบครัวเกลเซอร์ เจ้าของสโมสรชาวอเมริกันในปี 2024
  • แมนฯ ยูไนเต็ด อาจต้องยอมปล่อย “สมบัติล้ำค่า” ของสโมสรอย่าง ค็อบบี เมนู และอเลฮานโดร การ์นาโช สองสตาร์ดาวรุ่งที่เป็นเด็กปั้นของสโมสรที่แฟนๆรักก็ตาม
  • จากสโมสรฟุตบอลที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งมาตลอดทั้งเรื่องในและนอกสนาม (On and off-the-pitch) ซึ่งเคยเป็นแบบอย่างให้สโมสรฟุตบอลทั่วโลกเดินตามโดยเฉพาะในด้านการทำธุรกิจและการหาสปอนเซอร์ วันนี้แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังเป็นบทเรียนใหม่ให้แก่สโมสรทุกแห่งและบทเรียนของตัวเองอีกครั้ง

“หลังฤดูกาลแห่งหายนะนี้สิ้นสุดลง” รูเบน อโมริม ผู้จัดการทีม “ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวในช่วงพิธีการหลังจบเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2024-25 ซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสโมสร ที่ทีมนอกจากจะไม่ได้แชมป์อะไรเลย ยังจบด้วยการเป็นทีมอันดับที่ 15

“ทุกอย่างนับจากนี้จะดีขึ้น” โค้ชชาวโปรตุเกสกล่าวให้ความหวังกับแฟนฟุตบอลที่ยังคงอยู่ให้กำลังใจทีม ในบรรยากาศที่แตกต่างจากการเฉลิมฉลองแชมป์ของทีม “หงส์แดงลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาลที่ได้ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกที่สนามแอนฟิลด์ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 35 ไมล์

แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้นจริงเหมือนอย่างที่อโมริมกล่าวไหม? ในเมื่อความจริงอีกชุดคือการที่พวกเขาสูญเสียโอกาสครั้งใหญ่และสำคัญที่สุดในการจะกอบกู้สโมสรเมื่อพ่ายแพ้ให้แก่ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในเกมนัดชิงชนะเลิศยูเอฟา ยูโรปา ลีก เมื่อวันพุธที่แล้ว

เกมที่เชื่อกันว่าจะมีมูลค่ามากถึง “ร้อยล้าน” (ปอนด์) เลยทีเดียว นอกจากนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาคือการที่มูลค่าหุ้นของสโมสรในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คร่วงลงไปอีก 7 เปอร์เซ็นต์

นี่คือวิกฤติที่เลวร้ายที่สุดของสโมสรฟุตบอลที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของอังกฤษทั้งเกมในสนามและเกมนอกสนามใช่หรือไม่ และจะมีหนทางที่จะกลับมาทวงทุกอย่างคืนกลับมาได้อย่างไร?

เกมเดิมพันร้อยล้าน

นัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลยูเอฟา ยูโรปา ลีก เมื่อคืนวันพุธที่แล้วซึ่งพบกับทีม “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สโมสรคู่ปรับร่วมพรีเมียร์ลีกเป็นเกมที่ถูกจับตามองอย่างมาก

ความพิเศษนั้นเป็นเพราะทั้งสองสโมสรต่างประสบปัญหาฟอร์มการเล่นที่เลวร้ายในฤดูกาลนี้ โดยก่อนลงสนามอยู่ในอันดับที่ 16 และ 17 ของตารางคะแนน ซึ่งสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด อันดับที่ 16 คืออันดับที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 50 ปีเลยด้วย

ผลงานดังกล่าวทำให้เกมนี้มีความหมายเพิ่มเป็นพิเศษ เพราะนี่คือ “Last chance saloon” รถด่วนขบวนสุดพิเศษสุดท้ายที่จะเป็นทางลัดในการผ่านเข้าไปเล่นรายการยูเอฟา แชมเปียนส์ ลีก สุดยอดรายการฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลกที่ไม่ได้มีแค่เกียรติและศักดิ์ศรีแต่หมายถึงเงินรายได้มหาศาลด้วย

โดยมีการประเมินกันว่ารายได้จากการได้เข้าร่วม ยูเอฟา แชมเปียนส์ ลีก มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านปอนด์ (4.4 พันล้านบาท) และอาจจะไปได้ถึง 150 ล้านปอนด์ (6.6 พันล้านบาท) เลยทีเดียวเมื่อรวมรายได้ในส่วนอื่นเช่น รายได้จากวันแข่งขัน (Matchday revenue) หรือรายได้จากสปอนเซอร์ ซึ่งเป็นรายได้ที่แตกต่างจากการเข้าร่วมยูเอฟา ยูโรปา ลีกค่อนข้างมาก

“ฤดูกาลที่ดีใน แชมเปียนส์ ลีก อาจจะมีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านปอนด์” คีแรน แมกไกวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินในกีฬาฟุตบอลวิเคราะห์ผ่าน aBBC

สำหรับฤดูกาล 2024-25 ที่กำลังจะจบลง แมนฯ​ ยูไนเต็ด ทำรายได้จากการเข้าแข่งขันที่มาถึงรอบชิงชนะเลิศได้ราว 40 ล้านปอนด์ (1.7 พันล้านบาท) และเงินรางวัลจากการเป็นทีมรองชนะเลิศอยู่ที่ราว 5 ล้านปอนด์ (220 ล้านบาท) ด้วยกัน ซึ่งในเงินจำนวนนี้จะถูกเจียดไปจ่ายให้แก่เชลซี ตามเงื่อนไขการซื้อตัวเมสัน เมาต์ กองกลางที่ซื้อตัวมาร่วมทีมตั้งแต่ 2 ฤดูกาลที่แล้วและประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดเวลาถึง 3.5 ล้านปอนด์

การพ่ายแพ้ในเกมนัดชิงแชมเปียนส์ ลีก จึงส่งผลกระทบอย่างร้ายกาจต่อสถานะทางการเงินของแมนฯ ยูไนเต็ดอย่างที่ไม่เคยสะเทือนขนาดนี้มาก่อน

หุ้นตกซ้ำผีช้ำหนัก

ความพ่ายแพ้ต่อสเปอร์สยังส่งผลกระทบต่ออย่างร้ายกาจ เมื่อหุ้นสโมสรในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คตกลงในเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาราว 7.4 เปอร์เซ็นต์ตามรายงานของ Bloomberg

โดยที่หากมองภาพรวมแล้วนับตั้งแต่ฤดูกาล 2024-25 เริ่มเป็นต้นมาหุ้นของแมนฯ ยูไนเต็ด ตกลงไปมากกว่า 16 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ตัวเลขที่น่าตกใจมากกว่าคือการที่ มูลค่าแมนฯ ยูไนเต็ด ตกลงไปมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีที่เคยร่ำรวยที่สุดในอังกฤษจากการทำธุรกิจบริษัทพลังงาน INEOS เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 27.5 เปอร์เซ็นต์ต่อจากครอบครัวเกลเซอร์ เจ้าของสโมสรชาวอเมริกันในปี 2024

ในเวลานั้นแรตคลิฟฟ์ ซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 26 ปอนด์ คิดเป็นเงิน 1.25 พันล้านปอนด์ ก่อนจะเพิ่มเงินลงทุนอีก 237.7 ล้านปอนด์ โดยการลงทุนในเวลานั้นประเมินมูลค่าของกิจการแมนฯ ยูไนเต็ดไว้ที่ 4.54 พันล้านปอนด์

แต่ในปัจจุบัน มูลค่าหุ้นแมนฯ ยูไนเต็ด ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คตกลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยหลังจบเกมนัดชิงยูโรปา ลีก มีช่วงที่หุ้นร่วงลงไปต่ำกว่า 10 ปอนด์ด้วย ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาที่หุ้นละ 10.18 ปอนด์ และทำให้มูลค่าประเมินของสโมสรอยู่ที่ 1.87 พันล้านปอนด์

ภายในระยะเวลา 15 เดือนมูลค่าของแมนฯ ยูไนเต็ด ลดลงไปมากกว่า 2.67 พันล้านปอนด์ หรือคิดแล้วมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์

ปีศาจแดงรัดเข็มขัด

ทั้งหมดนี้สั่นคลอนสถานะทีมที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของวงการฟุตบอลอังกฤษอย่างแมนฯ ยูไนเต็ดอย่างรุนแรง และดูเหมือนความตกต่ำของพวกเขาจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว

ความหวังอยู่ที่การพยายามกลับมาทำผลงานให้ดีอีกครั้งในสนาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเหมือน “Mission Impossible” ภาค 7 เลยทีเดียวเพราะทีมสะสมปัญหาภายในเอาไว้มากเกินไป

อย่างไรก็ดีมีการคาดกันว่าหากรูเบน อโมริม ได้รับการสนับสนุนจากสโมสรในการเสริมทัพด้วยผู้เล่นที่ตอบโจทย์กับระบบการเล่นสถานการณ์ทุกอย่างอาจค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ แม้ว่านั่นอาจจะหมายถึงการที่แมนฯ ยูไนเต็ด อาจต้องยอมปล่อย “สมบัติล้ำค่า” ของสโมสรอย่าง ค็อบบี เมนู และอเลฮานโดร การ์นาโช สองสตาร์ดาวรุ่งที่เป็นเด็กปั้นของสโมสรที่แฟนๆรักก็ตาม

การสังเวย 2 ดาวรุ่งที่คาดว่าจะทำเงินรายได้รายละ 60-70 ล้านปอนด์ เนื่องจากเป็นดาวรุ่งพรสวรรค์ฝีเท้าดีและมีคุณสมบัติพิเศษของการเป็นผู้เล่นท้องถิ่น (Homegrown player) จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องทางบัญชีของสโมสรที่มีความสุ่มเสี่ยงจะผิดกฎการเงิน Profit and Sustainability Rules (PSR)

โดยตาม กฎ PSR สโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ได้รับอนุญาตให้ขาดทุนสะสมได้ไม่เกิน 105 ปอนด์ต่อช่วงเวลา 3 ฤดูกาล แต่ตามข้อมูลบัญชีของแมนฯ​ ยูไนเต็ด พวกเขาขาดทุนสะสมมากถึง 330 ล้านปอนด์ในช่วง 3 ปีหลัง แต่หากได้เงินจากการขายผู้เล่นจากอคาเดมีของตัวเองอย่างเมนู และการ์นาโช จะสามารถนำมาหักลบได้เต็มๆ

นอกจากนี้แมนฯ ยูไนเต็ดยังมีแผนระดมทุนด้วยการโละผู้เล่นที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมอีกหลายราย ซึ่งรวมถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด (ผู้เล่น HG เช่นกัน), แอนโทนี, ราสมุส ฮอยลุนด์, อังเดร โอนานา รวมถึงผู้เล่นที่กินค่าเหนื่อยมหาศาลอย่าง คาเซมิโร กองกลางทีมชาติบราซิล

ทั้งหมดจะถูกนำมาใช้จ่ายเพื่อปรับกระบวนทัพสำหรับการสู้ศึกฤดูกาลหน้า ซึ่งมีข่าวว่าใกล้คว้าตัว มาเตอุส คุนญา กองหน้าชาวบราซิลมาจากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส และอีกหลายคนที่จะตามมา

บทเรียนธุรกิจ ใหญ่แค่ไหนลำพองใจคือพัง

สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแมนฯ ยูไนเต็ดในปัจจุบันถือเป็นบทเรียนระดับ “Masterclass” ของสโมสรฟุตบอลที่น่าสนใจ

จากสโมสรฟุตบอลที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งมาตลอดทั้งเรื่องในและนอกสนาม (On and off-the-pitch) ซึ่งเคยเป็นแบบอย่างให้สโมสรฟุตบอลทั่วโลกเดินตามโดยเฉพาะในด้านการทำธุรกิจและการหาสปอนเซอร์ วันนี้แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังเป็นบทเรียนใหม่ให้แก่สโมสรทุกแห่งและบทเรียนของตัวเองอีกครั้ง ว่า

สโมสรฟุตบอลยิ่งใหญ่คับฟ้าแค่ไหน หากลำพองใจเมื่อไรคือพังได้ทุกเมื่อ

ความพินาศของโรงละครแห่งความฝันเกิดจากการละเลยในการลงทุนของเจ้าของสโมสรอย่างครอบตครัวเกลเซอร์ ที่ปล่อยปละไม่สนใจสโมสรไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับปรุงสนามฟุตบอลจนทำให้โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่เคยเป็นสนามยิ่งใหญ่ในฝันกลายเป็นซากปรักหักพังหลังคารั่ว การวางโครงสร้างการบริหารสโมสรที่เลวร้าย สนใจเพียงแค่เป้าทางธุรกิจมากกว่าผลงานในสนาม และการไม่ลงทุนในเรื่องระบบที่จำเป็น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของหลายสโมสรที่กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้ รวมถึงลิเวอร์พูล

แมนฯ ยูไนเต็ด ลำพองใจในความยิ่งใหญ่ของสโมสรจนมองไม่เห็นเค้าลางของหายนะที่คืบคลานมาหลังการวางมือของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จนสุดท้ายไม่เพียงแต่ถูกคู่แข่งไล่ตามทันยังโดนแซงหน้าไปอีกหลายขุม

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้งไม่ได้ อย่างน้อยแผนการสร้างสนามแห่งใหม่ “นิว แทรฟฟอร์ด” ความจุ “แสนคน” กำลังจะเริ่มต้น และมีความตั้งใจของคนตั้งใจอย่างอโมริมที่ต้องการจะพาทีมกลับมาสู่จุดที่เคยยืนให้ได้อีกครั้ง

หากมองว่าจุดที่แมนฯ ยูไนเต็ดอยู่ ณ เข็มนาฬิกาเดินไปนี้คือจุดที่ต่ำที่สุด มันควรจะหมายความว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคือขาขึ้นเท่านั้น

แค่อาจจะต้องใช้เวลาและความอดทนมากสักหน่อย และอย่าพลาดซ้ำอีกในบทเรียนทางธุรกิจและบทเรียนในสนาม

เพราะการพลาดซ้ำอีก ผลลัพธ์มันอาจเลวร้ายเกินจินตนาการก็เป็นได้

 

 

อ้างอิง