บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง! กังวลร่างลดภาษีทรัมป์ ส่อดันภาระคลังทะลุ 36 ล้านล้านดอลล์

บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง! กังวลร่างลดภาษีทรัมป์ ส่อดันภาระคลังทะลุ 36 ล้านล้านดอลล์

‘ตลาดหุ้นสหรัฐ’ เผชิญแรงกดดัน โดยดัชนีฟิวเจอร์สร่วง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งสูงขึ้น กังวลภาระทางการคลังที่เพิ่มขึ้นจาก ‘ร่างกฎหมายลดภาษีครั้งใหญ่’ ของทรัมป์ ที่ยังคงขัดแย้งในพรรครีพับลิกัน

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า “ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐ ปรับตัวร่วง และ “อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล” พุ่งสูงขึ้นในวันนี้ (21 พ.ค.68) ท่ามกลางความกังวล “ภาระทางการคลัง” ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “ร่างกฎหมายลดภาษีครั้งใหญ่ในประเทศ” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกำลังเผชิญกับความขัดแย้งภายในพรรครีพับลิกัน

คณะกรรมาธิการกฎของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกระบวนการออกกฎหมาย ได้กำหนดให้มีการประชุมอย่างไม่ปกติในเวลา 01.00 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะยืดเยื้อไปถึงช่วงเช้า โดยจะมีการอภิปรายร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวในที่ประชุม

ทั้งนี้ ทรัมป์ได้พบปะหารือกับสมาชิกรัฐสภาอย่างใกล้ชิดเมื่อวันอังคาร เพื่อพยายามโน้มน้าวสมาชิกพรรคของตนที่ยังลังเล ให้สนับสนุนร่างกฎหมายที่เขาเรียกว่า “ร่างกฎหมายฉบับใหญ่ และสวยงาม” แต่การเยือนครั้งนี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจกลุ่มสมาชิกรัฐสภาจำนวนมาก ที่คัดค้านบางประเด็นในร่างกฎหมายได้

“เมื่อภาษี และความไม่แน่นอนฉุดรั้งการเติบโต ก็ยิ่งทำให้เกิดคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการขาดดุลของรัฐบาลสหรัฐ” แดเนียล เบิร์กวอลล์ หัวหน้าฝ่ายพยากรณ์เศรษฐกิจของ SEB กล่าว

เมื่อเวลา 04:51 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐ ดัชนีฟิวเจอร์ส Dow Jones ร่วงลง 263 จุด หรือ 0.61%

ดัชนีฟิวเจอร์ส S&P 500 ลดลง 34.75 จุด หรือ 0.58%

และดัชนีฟิวเจอร์ส Nasdaq 100 ลดลง 134 จุด หรือ 0.62%

ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูง ได้รับแรงกดดันในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น มักส่งผลให้มูลค่ากำไรในอนาคตลดลง

หุ้น Nvidia ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นขนาดใหญ่ และเติบโตสูงที่สำคัญ ร่วงลงเกือบ 1% และเป็นผู้นำในการปรับตัวลงของกลุ่ม

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังคงอยู่ในระดับสูง โดยพันธบัตรอายุ 30 ปีปรับขึ้นกลับไปแตะระดับ 5% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญ ปรับเพิ่มขึ้น 5.6 จุด มาอยู่ที่ 4.53%

ที่ผ่านมา “พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ” เผชิญแรงกดดันตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หลังจากที่สถาบันจัดอันดับเครดิตมูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจากระดับสูงสุด “Aaa” ลงมาอยู่ที่ “Aa1” โดยให้เหตุผลจากความกังวลเกี่ยวกับ “หนี้สาธารณะ” ของประเทศที่พุ่งแตะ 36 ล้านล้านดอลลาร์

เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอังคาร ว่า ภาษีนำเข้ามีแนวโน้มทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น แต่แนะนำให้ใช้ความอดทนก่อนที่จะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยใดๆ

แม้ตลาดจะเผชิญกับแรงขาย แต่โดยรวมแล้ว หุ้นสหรัฐ ยังถือว่ามีแนวโน้มแข็งแกร่งในเดือนนี้ โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 17% จากระดับต่ำสุดในเดือนเมษายน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่มาตรการภาษีตอบโต้ของทรัมป์สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดทั่วโลก

การชะลอจัดเก็บภาษี การพักรบทางการค้าชั่วคราวระหว่างสหรัฐกับจีน และข้อมูลเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ ต่างช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าดัชนี S&P 500 จะยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ราว 3% ก็ตาม
 

 

 

อ้างอิง: reuters

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์