ราคาทองคำโลก ดีดขึ้น ดอลลาร์อ่อนค่าก่อนการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ

ราคาทองคำโลก ดีดขึ้นมากกว่า 1% ในวันศุกร์ จากดอลลาร์อ่อนค่าลง ตลาดยังวิตกภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ ก่อนการเจรจากันระหว่างสหรัฐฯ และจีนในสุดสัปดาห์นี้
ราคาทองคำโลก รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาด ทองคำโลก วันศุกร์ ( 9 พ.ค.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า ราคาทองคำ ดีดขึ้นมากกว่า 1% ในวันศุกร์ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าลง ขณะที่ตลาดประเมินความคิดเห็นเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ก่อนการเจรจากันระหว่างสหรัฐฯ และจีนในสุดสัปดาห์นี้
ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) กลับมาดีดขึ้น 1.1% อยู่ที่ 3,340.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 13.46 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ (17.46 น. GMT) และในรอบสัปดาห์เพิ่มขึ้น 3.1%
ทองคำแท่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ เพิ่มขึ้นมากกว่า 27% นับตั้งแต่ต้นปี
ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐฯ (Gold Futures) ปิดตลาดสูงขึ้น 1.1% อยู่ที่ 3,344 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลง 0.3% ทำให้ผู้ถือสกุลเงินอื่นสามารถซื้อทองคำแท่งได้ในราคาที่ถูกลง
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่าการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 80% นั้น "ดูเหมาะสม" ขณะที่ผู้แทนกำลังเตรียมการเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อจำกัดขอบเขตสงครามการค้าระหว่างสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ อินเดียและปากีสถานกล่าวหาซึ่งกันและกันว่า เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีทางทหารครั้งใหม่ โดยใช้โดรนและปืนใหญ่เป็นวันที่สามในการสู้รบที่เลวร้ายที่สุดระหว่างเพื่อนบ้านในเอเชียใต้ที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในรอบเกือบสามทศวรรษ
ปัจจัยความไม่แน่นอนด้านภาษียังหนุนราคาทองคำ
“เห็นได้ชัดว่าความไม่แน่นอนโดยรวมเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญที่สุดที่หนุนราคาทองคำ” เดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะของโบรกเกอร์ High Ridge Futures กล่าว
“ปัจจุบันเราไม่ค่อยชอบทองคำมากเท่าที่เคยเป็นมาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เราอาจกำลังเข้าสู่ช่วงที่ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบหรือปรับตัวลงอีกสักระยะหนึ่ง”
ในด้านตลาดซื้อขายทองคำทั่วไป ผู้ค้าทองคำชาวอินเดียเสนอลดราคาในสัปดาห์นี้ให้ลูกค้าท่ามกลางความต้องการที่อ่อนแอ เนื่องจากค่าเงินรูปีที่อ่อนค่าลงส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การซื้อขายในจีนเริ่มฟื้นตัวหลังจากวันหยุด
ไมเคิล บาร์ กรรมการธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวว่านโยบายการค้าของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น การเติบโตที่ลดลง และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ทำให้ผู้กำหนดนโยบายต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากว่าจะแก้ปัญหาใด
ราคาโลหะเงิน เพิ่มขึ้น 0.8% อยู่ที่ 32.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาแพลตตินัม เพิ่มขึ้นประมาณ 2% อยู่ที่ 995.10 ดอลลาร์
ราคาแพลเลเดียม เพิ่มขึ้น 0.2% อยู่ที่ 977.68 ดอลลาร์