Moody's เตือนภัย 'สินเชื่อนอกตลาด' เสี่ยงซ้ำรอยวิกฤติแบงก์ล้ม

Moody's เตือนภัย 'สินเชื่อนอกตลาด' เสี่ยงซ้ำรอยวิกฤติแบงก์ล้ม

Moody's ออกโรงเตือนถึงความเสี่ยงที่กำลังก่อตัวใน ‘ตลาดสินเชื่อสหรัฐ’ จากการไหลบ่าของเงินทุนนักลงทุนรายย่อยเข้าสู่สินทรัพย์ ‘สินเชื่อนอกตลาด’ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ยุคโควิด

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (7 พ.ค.68) “Moody's” บริษัทจัดเครดิตเรตติ้งชื่อดัง ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้น อันเกิดจากนักลงทุนรายย่อยนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ “สินเชื่อนอกตลาด” (private credit) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ สัดส่วนของตลาดสินเชื่อในสหรัฐ และทั่วโลกได้ค่อยๆ เปลี่ยนจากธนาคารไปยัง “บริษัทสินเชื่อนอกตลาด” ซึ่งเติบโตจนถือครองสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2014 ตามรายงานของ Moody's เมื่อวันพุธ

สิ่งนี้เกิดขึ้นแม้ท่ามกลางความปั่นป่วน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากจีน และประเทศอื่นๆ

“แม้ว่าความผันผวนของตลาดยังคงอยู่ ผู้จัดการสินทรัพย์ทางเลือกยังคงเปิดตัวกองทุนต่างๆ ที่มุ่งดึงดูดนักลงทุนรายย่อยให้เข้าสู่ ‘สินเชื่อนอกตลาด’ และสินทรัพย์นอกตลาดประเภทอื่นๆ” นักวิเคราะห์ของ Moody's เขียนไว้เมื่อวันพุธ

การที่นักลงทุนรายย่อยเข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดสินเชื่อนอกตลาดที่กำลังเติบโตนี้ ได้เร่งตัวขึ้นตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกองทุนเปิดประเภทเอเวอร์กรีน ที่มุ่งเน้นในเรื่องการเติบโตแบบต่อเนื่อง และยั่งยืนในระยะยาว และไม่ได้กำหนดอายุของกองทุนเมื่อเทียบกับกองทุนปิดแบบเดิม 

นอกจากนี้ กองทุน ETFs ที่เน้นลงทุนในสินเชื่อนอกตลาด ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดย Moody's ชี้ให้เห็นว่า การเพิ่มขึ้นของ ETFs นี้อาจกำหนดนิยามใหม่ของการเข้าถึงตลาดดังกล่าวแต่จะต้องมีกลไกป้องกันที่เหมาะสม

หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือนี้ระบุว่า ETFs และกองทุนเอเวอร์กรีนที่มุ่งเน้นนักลงทุนรายย่อยนั้น มีความยืดหยุ่นมากกว่ากองทุนปิดอย่างมากในเรื่องของการรับและไถ่ถอนเงินลงทุน

นักวิเคราะห์ของ Moody's ตั้งข้อสังเกตว่า อิสระนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงที่คล้ายคลึงกับการแห่ถอนเงินจากธนาคาร ซึ่งธนาคาร Silicon Valley Bank และธนาคารภูมิภาคอื่นๆ เคยประสบเมื่อปีที่แล้ว

ความไม่สอดคล้องกันระหว่างเงื่อนไขด้านสภาพคล่อง และความคาดหวังของนักลงทุน อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในผู้สนับสนุนกองทุน

ทั้งนี้ Moody's ตั้งข้อสังเกตว่า ความเสี่ยงยังมาจากข้อกำหนดที่ไม่เข้มงวด หรือข้อจำกัดสำหรับผู้ให้กู้ และผู้กู้ในข้อตกลงด้านสินเชื่อของกองทุนเอเวอร์กรีน เมื่อเทียบกับกองทุนปิด

“เงินทุนจากนักลงทุนรายย่อย สามารถขยายตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่การจัดการสภาพคล่อง และการสร้างความโปร่งใส จะเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาว” Moody's กล่าว
 

 

 

 

อ้างอิง: reuters

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์