ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้น ผวาสงครามการค้ากลับมาปะทุ หลังทรัมป์ขู่

ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นในวันจันทร์ ผวาสงครามการค้าหลังทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีภาพยนตร์ 100 % ส่งให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ดอลลาร์อ่อนค่า หนุนตลาดทอง
รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดทองคำโลกวันจันทร์ (5 พ.ค.68) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า "ราคาทองคำพุ่ง" ขึ้นมากกว่า 2% ในวันจันทร์ เนื่องมาจากดอลลาร์อ่อนค่าลง และอุปสงค์ในสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ตลาดกำลังรอการตัดสินใจด้านนโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในช่วงปลายสัปดาห์ ตลาดหวั่นสงครามการค้ากลับมาปะทุอีกรอบ
ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) พุ่งขึ้น 2.3% อยู่ที่ 3,315.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 13.52 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐ (17.52 น. GMT)
ทองคำสัญญาล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) ปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.4% อยู่ที่ 3,322.3 ดอลลาร์
ราคาทองคำเช้าอังคาร (6 พ.ค.68)
บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาทองคำตลาดสปอตลดลง 0.3% อยู่ที่ 3,325.57 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 8.29 น. ตามเวลาในสิงคโปร์เช้านี้ หลังทองคำขึ้นไปประมาณ 3% ในวันจันทร์สู่ระดับ 3,333 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ค่าเงินดอลลาร์ล่าสุดทรงตัว โดยดัชนี Bloomberg Dollar Spot ทรงตัวหลังจากลดลง 0.3% ในเซสชันก่อนหน้า โลหะเงินขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่แพลเลเดียมและแพลทินัมแทบไม่เปลี่ยนแปลง
หวั่นสงครามการค้ากลับมาปะทุ
ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ลดลง 0.1% ทำให้ผู้ถือสกุลเงินอื่นซื้อทองคำแท่งได้ถูกลง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่าจะเก็บภาษีภาพยนตร์ที่ผลิตในต่างประเทศในอัตรา 100% ทำให้เกิดความกังวลอีกครั้งเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสงครามการค้าโลก
"เรามองเห็นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาทองคำยังคงสูงอยู่ ... ราคาจะซื้อขายเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์อย่างน้อยในระยะใกล้" จิม ไวคอฟฟ์ นักวิเคราะห์อาวุโสของ Kitco Metals กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์
"ผมไม่คิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่เราจะจับตาดูว่าเฟดมีแนวโน้มไปทางใดเป็นพิเศษหรือไม่"
รอเฟดตัดสินใจนโยบายดอกเบี้ย
ผู้ค้ากำลังรอความเห็นของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะประกาศในวันพุธนี้ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25%-4.50% มาตั้งแต่เดือนธันวาคม
คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมครั้งนี้ แต่การประชุมครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ผลลัพธ์ชัดเจนมาก เนื่องจากภาษีของทรัมป์ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ทองคำซึ่งถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ได้สร้างสถิติสูงสุดหลายครั้งและเพิ่มขึ้นกว่า 26% ในปีนี้
ธนาคารโกลด์แมนแซคส์คาดว่า ทองคำจะยังคงทำผลงานได้ดีกว่าเงิน แต่สังเกตว่า เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในกระแสการไหลของเงินทุน ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ มีแนวโน้มที่จะผลักดันให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ราคาโลหะเงินในตลาดสปอตเพิ่มขึ้น 1% เป็น 32.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในขณะเดียวกัน แพลทินัมลดลง 0.4% เป็น 956.05 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมลดลง 1.5% เป็น 939.55 ดอลลาร์
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







