ต่างชาติเบนเข็มเข้า 'หุ้นจีน-หุ้นฮ่องกง' ลดน้ำหนักหนี หุ้นสหรัฐ

ต่างชาติเบนเข็มเข้า 'หุ้นจีน-หุ้นฮ่องกง' ลดน้ำหนักหนี หุ้นสหรัฐ

ต่างชาติแห่ลดน้ำหนัก หุ้นสหรัฐ หนีความเสี่ยงนโยบายภาษีทรัมป์ เบนเข็มเข้า 'หุ้นจีน-หุ้นฮ่องกง' เผยนักลงทุน Long-only เริ่มกลับมาถือยาว ขณะที่เกาหลีใต้แห่ซื้อสองเดือนติด

บลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดานักกลยุทธ์กำลังรีบทบทวนมุมมองที่มีต่อตลาด โดย Citigroup Inc. ได้ปรับลดมุมมองที่มีต่อ หุ้นสหรัฐ จากเดิมที่ให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (overweight) เหลือเป็นกลาง (neutral) หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐเผชิญความผันผวนอย่างหนักในช่วงนี้ และแนะนำหุ้นต่างประเทศ เช่น หุ้นจีน และ หุ้นยุโรป ที่มีผลงานดีกว่าที่คาดแทน

ทีมนักกลยุทธ์ของ Citi ระบุในบันทึกว่า "การเติบโตเป็นพิเศษของสหรัฐจะหยุดชะงักลงเป็นอย่างน้อยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า กระแสข่าวจากเศรษฐกิจสหรัฐน่าจะทำให้ผลงานต่ำกว่าตลาดอื่นๆ ของโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า" โดยการปรับน้ำหนักการลงทุนเหลือเป็นกลางจะเกิดขึ้นในกรอบเวลา 3-6 เดือน และคาดว่าจะมีข้อมูลเชิงลบของสหรัฐออกมาอีก 

ด้านทีมนักกลยุทธ์ของ HSBC Holdings Plc ก็ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นสหรัฐลงเป็นเป็นกลางเช่นกันในวันจันทร์ โดยกล่าวว่าพวกเขาเห็น "โอกาสที่ดีกว่าในที่อื่นในตอนนี้"

เช่นเดียวกับธนาคารต่างๆ รวมถึง JPMorgan Chase & Co. และ RBC Capital Markets ที่ปรับลดจากมุมมองเชิงบวกสำหรับปี 2025 ลงเช่นกัน เนื่องจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐทำให้เกิดความกลัวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง ขณะที่ไมเคิล วิลสัน จาก Morgan Stanley เตือนว่าเส้นทางข้างหน้าจะผันผวนเนื่องจากตลาดยังคงพิจารณาความเสี่ยงด้านการเติบโต ซึ่งอาจแย่ลงก่อนที่จะดีขึ้น

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐ เผชิญแรงเทขายอย่างหนักสองวันติดต่อกัน ดัชนี S&P 500 ถูกเทขายหนักเมื่อวันจันทร์ลดลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. ดาวโจนส์ ปิดลบเกือบ 900 จุด และแนสแดคปิดลบหนักถึง 4% ส่งผลให้มูลค่าตลาดลดลงถึงกว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์

และเมื่อวันอังคารตลาดยังปิดลบต่อเนื่อง ดาวโจนส์ลบกว่า 450 จุด และดัชนี S&P ลดลงมากกว่า 3.4% ในช่วงสองวันนี้ รวมทั้งปีลดไปแล้ว 4.5% และนักลงทุนกำลังตั้งคำถามถึงการประเมินมูลค่าที่สูงลิ่วของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่

กองทุนใหญ่แห่กลับเข้าหุ้นจีนใหม่

บลูมเบิร์กระบุว่า บรรดาดีลใหญ่ในจีนกำลังดึงดูดนักลงทุนขนาดใหญ่ให้กลับเข้ามาในตลาดหุ้นจีนอีกครั้ง โดยบรรดานักลงทุนสถาบันทั่วโลกแบบ Long-only ที่เน้นซื้อและถือลงทุนในระยะยาว กำลังวางคำสั่งซื้อมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในหุ้นจีนหลังจากที่หลีกเลี่ยงมาเป็นเวลานาน

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในฮ่องกง นักลงทุนสถาบันแบบ Long-only เช่น กองทุนรวม ได้ซื้อหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ไฟฟ้า  BYD Co. และผู้ผลิตชาไข่มุกมี่เสวี่ย (Mixue Group) ไปจนถึงหุ้นกู้แปลงสภาพของไป่ตู้ (Baidu Inc.) กับ Trip.com Group Ltd. ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญ เนื่องจากการลงทุนแบบถือยาวของต่างชาติถือเป็นสิ่งสำคัญในการวางรากฐานสำหรับกำไรที่มั่นคงและยั่งยืนของหุ้นจีน หลังจากนักลงทุนระยะยาวหลีกเลี่ยงหุ้นจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะตกต่ำของตลาดที่ยาวนาน

“นักลงทุนแบบ Long-only มีขอบเขตการลงทุนที่ยาวนานกว่า และมีแนวโน้มที่จะขายหุ้นทันทีหลังจากไอพีโอน้อยกว่า” แอนดี หว่อง หัวหน้าฝ่ายไอพีโอของบริษัทที่ปรึกษา SW Hong Kong กล่าว “การมีส่วนร่วมในตลาดของพวกเขาสามารถสร้างเสถียรภาพให้กับราคาหุ้นของบริษัทในตลาดทุนที่มีความผันผวนซึ่งเกิดจากนักลงทุนระยะสั้นได้”

รายงานระบุว่า กองทุนเหล่านี้ดูเหมือนจะกลับเข้ามาในจีนอีกครั้งโดยสะท้อนผ่านดีลใหญ่หลายรายการในช่วงนี้ เช่น การขายหุ้นมูลค่า 5.6 พันล้านดอลลาร์ของบีวายดีเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งเป็นการขายหุ้นครั้งใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในรอบเกือบ 4 ปี และนักลงทุนแบบถือยาวเข้าซื้อไปอย่างน้อย 1.5 พันล้านดอลลาร์

ส่วนดีลการออกหุ้นกู้แปลงสภาพของไป่ตู้แลกกับหุ้นของทริปดอตคอมมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นดีลมูลค่าใหญ่สุดในการลงทุนประเภทนี้ของบริษัทในเอเชีย แหล่งข่าวระบุว่ามีคำสั่งซื้อเพียงพอที่จะปิดดีลทั้งหมดได้เช่นกัน 

“ขนาดของธุรกรรมต่างๆ ชวนให้นึกถึงปี 2021” ฟิลลิส หวัง หัวหน้ากลุ่มตลาดอิควิตี้แคปิทัลของ Goldman Sachs Group Inc. ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าว 

แม้ว่าสัปดาห์นี้จะมีการเทขายหุ้นทั่วโลก แต่ผู้สังเกตการณ์ตลาดยังคงมองในแง่ดีต่อแนวโน้มของหุ้นจีน ซิตี้กรุ๊ปเพิ่งปรับเพิ่มแนวโน้มของหุ้นจีนเป็น overweight และดัชนี Hang Seng China Enterprises ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 18% ในปีนี้

ทีมนักกลยุทธ์ของ Goldman Sachs ได้ตั้งข้อสังเกตเมื่อไม่นานนี้ว่า นักลงทุนทั่วโลกที่ถือครองหุ้นแบบ long only มีส่วนร่วมกับไอพีโอและการขายหุ้นของจีนมากขึ้นในช่วงหลัง และมีแรงจูงใจเพิ่มขึ้นในการซื้อหุ้นของบริษัทจีนมากขึ้นเนื่องจากความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐ 

ไอวี หู หัวหน้าฝ่ายตลาดตราสารทุนจีนของ UBS Group AG ซึ่งช่วยจัดเตรียมข้อตกลงของบีวายดี กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นแสดงให้เห็นว่านักลงทุนรายใหญ่จากสหรัฐและยุโรปเริ่มกลับมาเข้าหุ้นจีนอีกครั้ง ซึ่งตรงกันข้ามกับภูมิทัศน์หลังปี 2021 ที่นักลงทุนจากเอเชียเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ และมองว่าแนวโน้มการเสนอขายหุ้นไอพีโอของจีนดูจะแข็งแกร่ง ขณะที่ข้อมูลจากบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ คาดการณ์ว่าตลาดไอพีโอของฮ่องกงจะเติบโตมากกว่าสองเท่า เป็น 22,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

เกาหลีใต้เข้าซื้อหุ้นฮ่องกงสูงสุดในรอบ 3 ปี 

บลูมเบิร์กระบุว่า นักลงทุนเกาหลีใต้เข้าซื้อหุ้นฮ่องกงมากที่สุดในรอบ 3 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยซื้อไปเป็นมูลค่า 189 ล้านดอลลาร์ และแนวโน้มดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปในเดือนมีนาคม โดยการซื้อหุ้นมีแนวโน้มที่จะเป็นการซื้อสุทธิสองเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2021 ท่ามกลางความพยายามไล่ตามกำไรจากตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้น

การเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการฟื้นตัวอย่างมากในแง่ความรู้สึกของการซื้อขายหุ้นฮ่องกง หลังจากนักลงทุนชาวเกาหลีใต้เป็นผู้ขายสุทธิในปีที่ผ่านมา ส่วนในปีนี้ดัชนีฮั่งเส็งพุ่งขึ้นไปแล้ว 18% ขณะที่นักลงทุนชาวจีนยังคงเพิ่มการถือครองหุ้น โดยซื้อหุ้นฮ่องกงในปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ สวนทางกับหุ้นสหรัฐที่เพิ่งเผชิญการเทขายครั้งใหญ่ ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตและภาษีศุลกากร ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยชาวเกาหลีที่ชอบเสี่ยง