ราคาทองคำพุ่งขึ้น จากความเสี่ยงภาษีศุลกากรของทรัมป์

ราคาทองคำพุ่งขึ้น จากความเสี่ยงภาษีศุลกากรของทรัมป์

ราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่า 1% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ

รอยเตอร์สรายงานภาวะตลาดทองคำโลกวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) พุ่งขึ้น 1.2% สู่ระดับ 2,932.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 14.11 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ (19.11 GMT) หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,942.70 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) พุ่งขึ้น 1.7% ที่ 2,949 ดอลลาร์

จิม ไวคอฟฟ์ นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสจาก Kitco Metals กล่าวว่า "เราพบว่ามีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเนื่องจากความไม่แน่นอนของรัฐบาลทรัมป์ และเรายังเห็นแนวโน้มขาขึ้นในกราฟด้วย"

ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ได้กำหนดขอบเขตของสนามรบการค้าโลกใหม่อย่างรวดเร็วด้วยชุดภาษีศุลกากรต่างๆ ในขณะเดียวกันก็มีแผนขึ้นภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ที่ครอบคลุมในวงกว้าง โดยมุ่งเป้าไปที่ประเทศใดก็ตามที่เก็บภาษีผลิตภัณฑ์ของสหรัฐโดยตรง

ด้านนักวิเคราะห์ของ Commerzbank กล่าวในบันทึกว่า "การซื้อของธนาคารกลางหนุนตลาดทองคำต่อไปเช่นกัน"

ขณะนี้ตลาดได้เปลี่ยนความสนใจไปที่รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนมกราคม ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง

"หากเศรษฐกิจเริ่มชะงักงันเนื่องจากภาษีศุลกากรทางการค้าและอื่นๆ เราอาจเห็นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง" ไวคอฟฟ์กล่าวเสริม

ทองคำแท่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยนั้นได้รับประโยชน์จากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ และมักจะมีราคาสูงขึ้นในสภาพแวดล้อมที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ เนื่องจากไม่ได้ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย

“แม้ว่าแนวโน้มขาขึ้นโดยรวมยังคงอยู่ แต่ไม่สามารถละเลยความเสี่ยงของการย่อตัวลงอย่างรุนแรงจากระดับที่สูงในขณะนี้ได้ หากต้องการให้ทองคำแตะระดับสูงสุดใหม่ อาจต้องมีความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับยูเครน” ฟาวาด ราซัคซาดา นักวิเคราะห์ตลาดจาก City Index และ FOREX.com กล่าว

ในบรรดาโลหะมีค่าอื่นๆ เงินในตลาดสปอตเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 32.84 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลตตินัมเพิ่มขึ้น 0.9% สู่ระดับ 983.75 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 2.5% สู่ระดับ 986.50 ดอลลาร์