‘หุ้นเอเชีย’ ดีดขึ้น หลังเจรจาสหรัฐ-รัสเซีย หนุนการยุติสงครามยูเครน

‘หุ้นเอเชีย’ ดีดขึ้น หลังเจรจาสหรัฐ-รัสเซีย หนุนการยุติสงครามยูเครน

'ตลาดหุ้นเอเชีย' ปรับตัวขึ้นหลังการเจรจาระหว่างสหรัฐและรัสเซียในสงครามยูเครน แม้ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐจะออกมาสูงกว่าคาดการณ์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “หุ้นเอเชีย” ปรับตัวสูงขึ้น หลังการเจรจาระหว่างสหรัฐ-รัสเซีย ยกระดับความคาดหวังที่ “สงครามในยูเครน” จะยุติลง อีกทั้งความเสี่ยงต่อตลาดเอเชียยังได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มที่ดีขึ้นของตลาดจีน

สำหรับดัชนีหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สอง โดยทั้งตลาดหุ้นญี่ปุ่นและฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนว่านักลงทุนในเอเชีย “มองข้าม” ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มภาพการลดอัตราดอกเบี้ยลดลง โดยนักลงทุนเอเชียมุ่งความสนใจไปที่ “การเจรจาสันติภาพระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กับรัสเซียเกี่ยวกับยูเครน” สวนทางข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดังกล่าวที่เคยจุดชนวนให้ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปั่นป่วนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การกลับตัวของสินทรัพย์เสี่ยงเกิดขึ้น หลังจากที่ดัชนีหุ้นในเอเชียทำผลงานได้ต่ำกว่าตลาดหุ้นทั่วโลกนับตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากแรงกดดันจากการขู่ขึ้นภาษีของทรัมป์ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในจีนที่ยังไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนได้รับแรงหนุนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และสัญญาณการสนับสนุนจากภาครัฐต่อภาคอสังหาริมทรัพย์

“บรรยากาศการลงทุน ได้รับแรงหนุนจากความเป็นไปได้ในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน และแรงขับเคลื่อนที่ต่อเนื่องในภาคเทคโนโลยีของจีน” ชารุ ชานานา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ Saxo Markets Pte ในสิงคโปร์ กล่าว “ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมกราคมมักถูกบิดเบือนจากค่าใช้จ่ายประจำปี เช่น ค่าประกันภัย ซึ่งหมายความว่าข้อมูลดังกล่าว อาจถูกมองข้ามไปชั่วคราว และทำให้ทรัมป์กับการประกาศมาตรการภาษี กลายเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนตลาด”

สำหรับราคาน้ำมัน ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังการเจรจาระหว่างสหรัฐ และรัสเซีย ขณะที่ดัชนีความแข็งแกร่งของดอลลาร์แทบไม่เปลี่ยนแปลง เงินเยนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี ส่วนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐแทบไม่มีความเคลื่อนไหว พันธบัตรออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ปรับตัวลดลงตามแรงเทขายเมื่อวันพุธ

สำหรับปรากฏการณ์ทรัมป์ตกลงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียว่า จะเริ่มการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง และสร้างความประหลาดใจให้กับพันธมิตรยุโรปที่กังวลว่า ท่าทีที่ประนีประนอมมากขึ้นของสหรัฐ อาจเท่ากับการยอมอ่อนข้อให้รัสเซีย

ด้านทางการจีนกำลังจัดทำข้อเสนอเพื่อช่วย China Vanke อุดช่องว่างด้านเงินทุนประมาณ 50,000 ล้านหยวนในปีนี้ ซึ่งสะท้อนถึงการสนับสนุนของรัฐบาลต่อบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญปัญหาทางการเงิน

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลงทั่วทั้งเส้นอัตราผลตอบแทน เนื่องจากนักลงทุนปรับคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดหลังจากข้อมูลเงินเฟ้อออกมา ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยขณะนี้คาดว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกและอาจเป็นครั้งเดียวของปีนี้จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ขณะที่เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ระบุว่า ข้อมูลเงินเฟ้อสะท้อนว่า แม้ธนาคารกลางจะมีความคืบหน้าอย่างมากในการควบคุมเงินเฟ้อ แต่ก็ยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก

อ้างอิง: bloomberg