ราคาทอง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ตลาดจับตาทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง

ราคาทอง ถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น แต่โดยรวม ราคาทองคำ ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ จากความไม่แน่นอนทางนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยครั้งต่อไป ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือ 2,700 ดอลลาร์ แนวต้านสำคัญ
รอยเตอร์ส รายงาน ราคาทอง ภาวะตลาดทองคำโลกวันศุกร์ (17 ม.ค.) ว่า ราคาทองคำ ในตลาด ทองคำสปอต (Spot Gold) ลดลง 0.4% สู่ระดับ 2,701.03 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ 15.10 น.ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ (20.10 GMT) ขณะที่ราคาทองคำในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) ปรับตัวลดลง 0.1% สู่ระดับ 2,748.70 ดอลลาร์
เดวิด เมเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะที่ High Ridge Futures กล่าวว่า "การย่อตัวในวันนี้ไม่ถือว่าสำคัญ แต่เป็นการเทขายทำกำไรมากกว่าอย่างอื่น อาจเป็นเพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในระหว่างวัน ซึ่งเพิ่มแรงกดดันเล็กน้อย"
ราคาทองคำ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือนในวันพฤหัสบดี โดยอีกเพียง 65.6 ดอลลาร์ ก็จะกลับไปถึงระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,790.15 ดอลลาร์ซึ่งเคยทำไว้ในเดือนตุลาคม
ล่าสุดสำหรับสัปดาห์นี้ ราคาทอง เพิ่มขึ้น 0.8% ถือเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมาอ่อนตัวลงกว่าที่คาด ส่งผลให้มีการคาดเดากันมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง
นักลงทุนกำลังจับตามองการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ โดยคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนตัวลงอีก
ขณะนี้ ตลาดต่างเฝ้ารอการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคมอย่างใจจดใจจ่อ และคาดว่าการขึ้นภาษีการค้าทั่วไปของเขาจะจุดชนวนเงินเฟ้อและสงครามการค้า ซึ่งอาจเพิ่มความน่าสนใจของทองคำแท่งในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
เมเกอร์กล่าวเสริมว่า “ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะนำมาใช้เป็นปัจจัยสนับสนุนอย่างหนึ่งสำหรับทองคำ”
ทองคำ ที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย มักถูกมองว่าเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางการเมือง ทองคำได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
“มีคำถามมากมายเกี่ยวกับสถานะของภาษีศุลกากร ว่าจะมีการนำไปปฏิบัติอย่างไร นักลงทุนจำนวนมากหันมาซื้อทองคำเพื่อใช้เป็นช่องทางในการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่นโยบายใหม่เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการเติบโต” นายนิเตช ชาห์ นักกลยุทธ์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก WisdomTree กล่าว
- ราคาโลหะเงินลดลง 2% เหลือ 30.17 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- แพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 1% เหลือ 949.99 ดอลลาร์
- แพลตตินัมเพิ่มขึ้น 0.9% เหลือ 940.28 ดอลลาร์