ราคาทองคำพุ่งสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐร่วงต่อ

ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนในวันพฤหัสบดี หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ล่าสุดกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลให้ลดลงต่อจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ลดลงในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายมากขึ้น
รอยเตอร์ส รายงานการซื้อขายทองคำตลาดโลกวันพฤหัสบดี (16 ม.ค.) ราคาทองคำตลาดสปอต (Spot Gold) เพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับ 2,718.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม ส่วนราคาทองคำล่วงหน้าของสหรัฐ (Gold Futures) เพิ่มขึ้น 1.1% สู่ระดับ 2,748.60 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 มกราคม เพิ่มขึ้นแตะระดับ 217,000 ราย ซึ่งปรับตามฤดูกาลแล้ว โดยการสำรวจของรอยเตอร์สคาดการณ์ว่าจะมี 210,000 ราย
"จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกมากกว่าที่คาดไว้ บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังอ่อนแอลง" อเล็กซ์ เอบคาเรียน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Allegiance Gold กล่าว “นอกจากนี้ เรายังเห็นว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลง ดังนั้นเราจึงเห็นว่าทองคำน่าดึงดูดใจมากขึ้น”
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลง และซื้อขายใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากข้อมูลยอดขายปลีก การขอรับสวัสดิการว่างงาน และราคาสินค้านำเข้า
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันพุธ หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธันวาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ติดต่อกัน 4 เดือน ซึ่งช่วยฟื้นความหวังในการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป
ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 37 เบซิสพอยท์ (bps) หรือ 0.37% ภายในสิ้นปี เมื่อเทียบกับประมาณ 31 เบซิสพอยท์ก่อนมีข้อมูลเงินเฟ้อ
ทองคำถูกมองว่าเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ แต่หากดอกเบี้ยสูงขึ้นจะทำให้ทองคำแท่งที่ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยน่าสนใจน้อยลง
“ทองคำน่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ตราบใดที่ผู้เข้าร่วมตลาดยังคงเชื่อในคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2025” ฮัน ตัน หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ Exinity Group กล่าว
ด้านสถานการณ์อื่นๆ การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลได้สังหารผู้คนอย่างน้อย 77 รายในฉนวนกาซา เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีการประกาศข้อตกลงหยุดยิงเพื่อยุติสงครามที่ดำเนินมายาวนาน 15 เดือน
ส่วนราคาโลหะเงินปรับขึ้น 0.3% สู่ระดับ 30.74 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแพลตตินัมพุ่งขึ้น 0.2% สู่ระดับ 940.00 ดอลลาร์ ขณะที่แพลเลเดียมร่วงลงแรง 1.9% สู่ระดับ 943.0 ดอลลาร์