'เจอโรม พาวเวล' ฟันธง หน้าที่ในการจัดการเงินเฟ้อ 'ยังไม่จบ' ขอดูข้อมูลก่อนหั่นดอกเบี้ย

'เจอโรม พาวเวล' ฟันธง หน้าที่ในการจัดการเงินเฟ้อ 'ยังไม่จบ' ขอดูข้อมูลก่อนหั่นดอกเบี้ย

ประธานเฟดฟันธง หน้าที่ในการจัดการกับเงินเฟ้อของเฟด 'ยังไม่จบ' พร้อมขอดูข้อมูลให้มั่นใจก่อนหั่นดอกเบี้ย ด้านผู้ว่าการเฟดสาขาแอตแลนตาชี้ FOMC อาจหั่นดอกเบี้ย 'แค่ครั้งเดียว' ในปีนี้

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานคำกล่าวของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) วันนี้ (4 เม.ย.) ว่า หน้าที่ในการจัดการกับเงินเฟ้อของเฟด “ยังไม่จบ” และคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (FOMC) ยังต้องการ “หลักฐานสำคัญ” เพื่อยืนยันว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบที่คณะกรรมการฯ ต้องการก่อนที่จะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ทั้งหมดนี้ทำให้นักวิเคราะห์ประเมินว่าเฟดอาจไม่ลดดอกเบี้ยเร็วเท่าที่ตลาดคาดการณ์

ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของพาวเวลที่วิทยาลัยธุรกิจ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเกิดขึ้นไม่นานหลังจากคณะกรรมการฯ เผยทิศทางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างเป็นทางการในการประชุมเดือน มี.ค. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการฯ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับลดจาก 5.25% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 23 ปีไปสู่ระดับ 5.5%

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งตั้งข้อกังขากับแนวโน้มข้างต้น เนื่องจากที่ผ่านมาตัวเลขการจ้างงานและสัญญาณของเงินเฟ้อยังออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

โดยพาวเวลกล่าวต่อว่า ข้อมูลทางเศรษฐกิจ ดังกล่าวไม่มีผลต่อภาพรวมการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างมีนัยสำคัญพร้อมทั้งระบุว่ายังไม่สามารถฟันธงได้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาล่าสุดเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างถาวรหรือเพียงชั่วคราว

“ค่อนข้างไม่เหมาะสมหากคณะกรรมการฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหากยังไม่มีหลักฐานเพียงพอยืนยันว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างยั่งยืนจนเข้าสู่กรอบ 2% ตามที่คณะกรรมการฯ ต้องการ ”

ด้านบทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ถ้อยแถลงของพาวเวลล์สอดคล้องกับมุมมองของกรรมการ FOMC รายอื่นที่มองว่าเฟดยังไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพราะยังมีช่วงเวลาในการประชุมอีกสองสามครั้งในการพิจารณาหลักฐานอย่างรอบคอบ

“เรายังมีเวลาเพื่อพิจารณาข้อมูลทั้งหมดก่อนที่จะตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย” พาวเวลกล่าว พร้อมเสริมว่า “มุมมองในอนาคตตอนนี้ค่อนข้างยังไม่แน่นอน คณะกรรมการฯ ยังเห็นความเสี่ยงจำนวนมาก”

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ความรอบคอบของพาวเวลเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยเกิดขึ้นในขณะที่เขาเน้นถึงความสําคัญของความเป็นอิสระของธนาคารกลางในการอนุญาตให้กําหนดนโยบายโดยปราศจาก “ปัจจัยทางการเมือง” ในระยะสั้น

พร้อมทั้งเตือนว่าการทำงานของเฟดเป็นการทำงานที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ใช่การทำงานแบบเปลี่ยนนโยบายหน้างาน (Mission Creep) และเสริมว่า 

"เราไม่ใช่และเราไม่พยายามที่จะเป็นผู้กําหนดนโยบายด้านสภาพอากาศ"

 

 

ถ้อยแถลงของเขาอาจมีความสําคัญอย่างยิ่งท่ามกลางช่วงเวลาเเห่งการแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดีที่โจ ไบเดน แข่งกับโดนัลด์ ทรัมป์ โดยแม้ทรัมป์จะเลือกพาวเวลให้บริหารเฟดในช่วงที่เขาดํารงตําแหน่ง แต่เขามักวิพากษ์วิจารณ์เฟดและมัก “กระตุ้น” ให้ลดอัตราดอกเบี้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

พาวเวลล์ยังประกาศเมื่อวันพุธว่า เฟดจะเริ่มทบทวนกรอบนโยบายการเงินครั้งใหม่ในปีนี้ ซึ่งเป็นแนวทางในการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย หลังจากคณะกรรมการฯ ทบทวนกรอบนโยบายดังกล่าวครั้งล่าสุดในปี 2020 ในช่วงการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19 

การทบทวนซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งปีนั้นสอดคล้องกับแผนการของธนาคารกลางในการปรับปรุงเอกสารทุก ๆ ห้าปี ครั้งสุดท้ายเริ่มต้นในปี 2019 และเสร็จสมบูรณ์ก่อนที่อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นในปี 2021 ซึ่งตอนนั้นคณะกรรมการฯ ประเมินอัตราเงินเฟ้อในลักษณะที่ผ่อนคลายมากกว่ากรอบนโยบายก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานถ้อยแถลงของราฟาเอล บอสติก​ ผู้ว่าการเฟดสาขาแอตแลนตาว่า คณะกรรมการฯ มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งในปีนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังหนืด ปรับตัวลงยาก รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเติบโตอย่างร้อนแรง

อ้างอิง

1. Financial Times

2.Bloomberg