'Microsoft' จ่อชิงเบอร์ 1 โลกจาก 'Apple' หลังขาลง iPhone ฉุดมูลค่าตลาดวูบ!

'Microsoft' จ่อชิงเบอร์ 1 โลกจาก 'Apple' หลังขาลง iPhone ฉุดมูลค่าตลาดวูบ!

บัลลังก์ “บริษัทมูลค่าสูงสุดในโลก” อาจเปลี่ยนมือเร็ว ๆ นี้ เมื่อ “Microsoft” ขึ้นท้าชิงตำแหน่งเบอร์ 1 จาก “Apple” หลังความกังวลเรื่องยอดขาย iPhone ฉุดราคาหุ้นจนมูลค่าตลาดร่วงต่อเนื่อง สวนทางกับมูลค่าตลาด Microsoft ที่ขึ้นมาหายใจรดต้นคอ

กระแสวิตกกังวลล่าสุดเกี่ยวกับความต้องการสมาร์ทโฟนทั่วโลก ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกอย่าง Apple ลดลงไป 4% แล้วนับตั้งแต่เข้าปี 2567 หลังจากทะยานถึง 48% ในปีที่แล้ว

ขณะที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐอีกรายอย่าง Microsoft ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นราว 2% นับตั้งแต่เริ่มต้นศักราชใหม่ หลังจากพุ่งขึ้น 57% ในปี 2566

เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าตลาดพบว่า ช่องว่างระหว่างทั้งสองบริษัทเหลือเพียงไม่กี่หมื่นล้านดอลลาร์เท่านั้น โดยหลังจากหุ้น Apple ปิดตลาดลดลง 0.4% เมื่อวันพุธ (11 ม.ค.) ทำให้มูลค่าตลาดบริษัทเบอร์ 1 ของโลกอยู่ที่ 2.866 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าตลาดของ Microsoft อยู่ที่ 2.837 ล้านล้านดอลลาร์ รั้งอันดับ 2 แบบไล่จี้มาติด ๆ

\'Microsoft\' จ่อชิงเบอร์ 1 โลกจาก \'Apple\' หลังขาลง iPhone ฉุดมูลค่าตลาดวูบ!
- Microsoft บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ อาจแซงหน้า Apple เป็นบริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลก เร็ว ๆ นี้ (เครดิตภาพ: AFP) -

ก่อนหน้านี้ มูลค่าตลาดของ Apple แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.081 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนมูลค่าตลาดของ Microsoft เคยพุ่งไปแตะถึง 2.844 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2566

  • ยอดขาย iPhone ในจีน ร่วง 30% รับปีใหม่

บรรดานักวิเคราะห์จาก Jefferries บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนชื่อดัง รายงานในสัปดาห์นี้ว่า ยอดขาย iPhone ในประเทศจีน ร่วงถึง 30% ในสัปดาห์แรกของปี 2567 และอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นตัวแรกที่จะทำให้ยอดขายรวมของ Apple ในแดนมังกรดิ่งลงเป็นตัวเลขสองหลัก อีกทั้งบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากบรรดาคู่แข่งเจ้าถิ่น นำโดย “Huawei

\'Microsoft\' จ่อชิงเบอร์ 1 โลกจาก \'Apple\' หลังขาลง iPhone ฉุดมูลค่าตลาดวูบ!
- มือถือซีรีส์ iPhone 15 ของ Apple ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว (เครดิตภาพ: AFP) -

ขณะที่แบรนด์มือถือแอนดรอยด์เจ้าอื่น ๆ และ Huawei ของจีน ต่างมียอดขายเติบโตในจีนค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบแบบรายปี

นักวิเคราะห์จาก Jefferies ระบุด้วยว่า มือถือของ Apple มียอดขายลดลงถึงแม้บริษัทจะหั่นราคาลงอย่างหนักสำหรับ iPhone หลายรุ่นผ่านร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ ของจีน

 

ตัวอย่างเช่น iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ถูกปรับลดราคาลง 16% บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ “พินตัวตัว” (Pinduoduo) ในช่วงสัปดาห์แรกของปีนี้

  • แว่น Vision Pro อาจไม่ช่วยอะไร

เมื่อไม่นานนี้ Apple ประกาศว่าจะเริ่มวางจำหน่าย “Vision Pro” แว่น MR (Mixed Reality) ที่ใช้เทคโนโลยีความเป็นจริงแบบผสมวันที่ 2 ก.พ.นี้ ในประเทศสหรัฐ ทำให้เป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ครั้งใหญ่ที่สุดของ Apple นับตั้งแต่ iPhone รุ่นแรกเมื่อปี 2550

\'Microsoft\' จ่อชิงเบอร์ 1 โลกจาก \'Apple\' หลังขาลง iPhone ฉุดมูลค่าตลาดวูบ!
- แว่น Vision Pro ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของ Apple เตรียมวางขายในสหรัฐ 2 ก.พ.นี้ (เครดิตภาพ: AFP) -

อย่างไรก็ตาม ธนาคาร UBS ออกรายงานล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (8 ม.ค.) โดยคาดการณ์ว่า ยอดขาย Vision Pro จะแทบไม่ส่งผลใด ๆ ต่อสัดส่วนกำไรต่อหุ้นของ Apple ในปีนี้

ขณะที่ฝั่ง Microsoft เคยแซง Apple ขึ้นอันดับ 1 บริษัทมูลค่าตลาดสูงสุดในโลกในช่วงสั้น ๆ อยู่ไม่กี่ครั้งในปี 2561 และครั้งล่าสุดคือในปี 2564 ช่วงที่กระแสความกังวลว่าภาวะขาดแคลนด้านซัพพลายเชน ผลจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้ฉุดราคาหุ้นของผู้ผลิต iPhone ร่วงหนัก

  • ราคาหุ้นปัจจุบัน “แรงพอกัน”

ปัจจุบัน หุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ 2 รายนี้ถือว่า “ค่อนข้างแพง” ในแง่ของราคาเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ผลกำไร ซึ่งเป็นวิธีเบื้องต้นในการประเมินมูลค่าของบริษัทจดทะเบียน

ข้อมูลจาก LSEG บริษัทด้านข้อมูลทางการเงินของอังกฤษ ระบุว่า ค่า P/E ล่วงหน้า (Forward P/E) ของ Apple ที่ซื้อขายในตลาดหุ้น อยู่ที่ 28 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยซึ่งอยู่ที่ 19 เท่าตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ค่า P/E ล่วงหน้าของ Microsoft ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นอยู่ที่ราว 31 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยซึ่งอยู่ที่ 24 เท่าตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ผลคาดการณ์เฉลี่ยของบรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ Apple จะรายงานผลรายได้เพิ่มขึ้น 0.7% เป็น 117,900 ล้านดอลลาร์สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่บริษัทมีรายได้ในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ขณะที่ฝั่ง Microsoft ที่จะประกาศผลประกอบการในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ บรรดานักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะรายงานผลรายได้เพิ่มขึ้น 16% เป็น 61,100 ล้านดอลลาร์ อานิสงส์จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจคลาวด์

อ้างอิง: Reuters