กรุงเทพประกันภัย ปรับโครงสร้าง ตั้ง ‘บีเคไอ โฮลดิ้งส์’ ดันเข้าตลาดหุ้นแทน

กรุงเทพประกันภัย ปรับโครงสร้าง ตั้ง ‘บีเคไอ โฮลดิ้งส์’ ดันเข้าตลาดหุ้นแทน

กรุงเทพประกันภัย เดินหน้าปรับโครงสร้างผ่านการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย พร้อมจัดตั้ง บีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH)" เข้าตลาดหุ้นแทน หวังขยายโอกาสการลงทุน คาดกระบวนการแล้วเสร็จไตรมาส 2 ปี 2567

นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัยจำกัด(มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า ท่ามกลางความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องธุรกิจการเงินในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญส่งผลให้วิถีการใช้ชีวิต และพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วบริษัทจึงมีแผนที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และดำเนินธุรกิจตามทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมต่อภาวะอุตสาหกรรม และการแข่งขันเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

 ผ่านแผนการปรับโครงสร้างของบริษัท โดยการจัดตั้งบริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) หรือ BKIH เพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) ในธุรกิจอื่นๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยที่เป็นธุรกิจหลัก และที่นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัย

โดยบริษัทโฮลดิ้งส์จะมีบทบาทในด้านการกำหนดนโยบายกำกับดูแล และบริหารจัดการกลุ่มธุรกิจให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์โดยรวม ตลอดจนบริหารจัดการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่สร้างประโยชน์ให้กับทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน

สำหรับโอกาสทางธุรกิจ และประโยชน์ของการปรับโครงสร้างบริษัทจะเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่นักลงทุนอย่างมั่นคง และยั่งยืนในระยะยาว พร้อมยกระดับการบริการให้เข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และเป็นวงกว้างส่งผลดีต่อผู้บริโภคด้วยการตั้งทีมบริหารที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ธุรกิจนำไปสู่การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพทางด้านกลยุทธ์การออกแบบผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัยมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดี และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด

ส่วนการดำเนินธุรกิจในอนาคตภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทวางแผนจะดำเนินธุรกิจผ่าน 2 กลุ่มประกอบด้วย

1. กลุ่มธุรกิจหลักดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย โดยจะมีขนาดสินทรัพย์รวมกันไม่น้อยกว่า 75% ของสินทรัพย์รวมของ BKIH ประกอบด้วย 3 สายงานธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย , ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย

2. กลุ่มธุรกิจอื่น ดำเนินธุรกิจนอกเหนือจากการประกันภัย โดยจะมีขนาดของสินทรัพย์รวมกันไม่เกิน 25% ของสินทรัพย์รวมของ BKIH ซึ่งบริษัทโฮลดิ้งส์ จะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มจะส่งเสริมธุรกิจประกันภัย และหรือธุรกิจที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่นักลงทุน และผู้บริโภค

โดย BKIH กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาในธุรกิจต่างๆ ที่มีศักยภาพเพื่อเป็นแนวทางการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจ เช่น การเข้าไปลงทุนด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยี และนวัตกรรมในอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตรงใจ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีความหลากหลายในยุคดิจิทัลพร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่สะดวกรวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งานด้วยรูปแบบ Zero-Touch Consumer Experience

"เบื้องต้นเราจะร่วมกับบริษัทที่เป็นเทคโนโลยี โดยรูปแบบอาจมีการร่วมทุน แต่จะลงสัดส่วนเท่าไร ใช้เงินแค่ไหนเป็นเรื่องการเจรจา ซึ่งคาดจะเห็นภายในสิ้นปี 68 และ มองว่า บริษัทเทคโนโลยีจะสามารถสร้างกำไรในระยะยาว และจ่ายปันผลเข้าไปในโฮลดิ้งส์ได้"

 

นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะผลักดันให้บริษัทที่เข้าไปลงทุนเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป หากบริษัทที่เข้าไปลงทุนมีศักยภาพในการเติบโตได้

 

ในขณะที่นโยบายการจ่ายปันผล คาดจะไม่น้อยไปกว่า BKI ตลอดจนทีมผู้บริหารก็จะไปนั่งบริหารในโฮลดิ้งส์เช่นกันส่วนลดเงินลงทุนในโฮลดิ้งส์จะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน หรือการออกหุ้นกู้ ซึ่งขึ้นกับภาวะตลาดในขณะนั้น

ความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างนั้น บริษัทจะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/66 ในวันที่ 6 ตุลาคม 66 เพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการปรับโครงสร้าง และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจากนั้น BKIH ซึ่งปัจจุบันได้จัดตั้งบริษัทแล้วจะดำเนินการยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อพิจารณาต่อไปโดยคาดว่าภายหลังจากสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติ จะเข้าสู่ขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ BKI

โดย BKIH จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BKIH เพื่อแลกกับหุ้นสามัญของ BKI ในอัตราเท่ากับ 1 หุ้นสามัญของ BKI ต่อ1 หุ้นสามัญของ BKIH ซึ่งคาดว่า จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2/67 และ ภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทเสร็จสิ้นแล้ว BKI จะดำเนินการเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ BKIH จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทนที่หุ้นของบริษัทในวันเดียวกันกับที่หุ้นของบริษัทถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 2/67 เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของ BKI ที่เข้าร่วมการแลกเปลี่ยนหุ้น หรือตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จาก BKIH จะไม่ได้รับผลกระทบทางภาษีใดๆ อันเป็นผลจากธุรกรรมการแลกหุ้นในขณะที่แนวโน้มธุรกิจประกันภัยปีนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะทรงตัวจากปีก่อน โดยมาจากยอดขายรถยนต์ในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 8 แสนคัน ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปีก่อน แต่ยอดขายรถอีวีกลับสูงขึ้น โดย 8 เดือน บริษัทมีรถอีวีอยู่ในพอร์ต 3.5 พันคัน ซึ่งจะมีเบี้ยประกันรถอีวี สิ้นปีนี้ อยู่ที่ 180 ล้านบาท จากปีก่อน 1 พันคัน จากในระบบคาดว่า ปีนี้ จะมีรถอีวี อยู่ที่ 8 หมื่นคัน จากปีก่อน 9.7 พันคัน

นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ BKI เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยปัจจุบันดัชนีอยู่ที่ 1,450 จุด โดยคาดว่าน่าจะใกล้จุดต่ำสุดแล้ว แต่หากดัชนีไหลลงไปอยู่ที่ 1,300 จุด ก็เป็นจังหวะที่จะเข้าลงทุน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานคงเกิดขึ้นโดยหากดูการเมืองยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ โครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เลื่อนออกไปจากเดิมที่คาดไว้ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

"การซื้อหุ้นต้องใจเย็น ถือยาว 3-5 ปี แต่ถ้าอันไหนมองแล้วไม่มีอนาคต หรือ การเติบโตของธุรกิจไม่มี เราก็ขายออกไป ซึ่งเรามีเงินที่จะซื้อหุ้นประมาณ 500-600 ล้านบาท"

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์