โอเชี่ยน สกาย เน็ตเวิร์ค ชู "Mandala AI" โซลูชันการตลาด ดันรายได้บริษัทโต 200%

โอเชี่ยน สกาย เน็ตเวิร์ค ชู "Mandala AI" โซลูชันการตลาด ดันรายได้บริษัทโต 200%

โอเชี่ยน สกาย เน็ตเวิร์ค  นำเสนอ Mandala AI Ecosystem ตัวช่วยในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดด้วย AI นำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล  ตั้งเป้ารายได้เติบโต 200% ในปี 2566 พร้อมวางแผนทำตลาดเชิงรุกทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

ดร.เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน สกาย เน็ตเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน Social Media เข้ามามีบทบาทกับคนในสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต และ สมาร์ทโฟนได้ง่ายขึ้น  

รวมทั้งไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนแปลงไป Social Media นั้น เปรียบเสมือนเป็นสื่อกลางออนไลน์ ที่เชื่อมต่อให้ทุกคนสามารถสื่อสารกันได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มสังคมเล็กๆ ไปจนถึงการที่ธุรกิจใช้เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร และทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งเสียงของผู้บริโภคหรือข้อมูลบนโลกออนไลน์นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทต่างๆ ที่จะนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องมีเครื่องมือมาช่วยวิเคราะห์ แยกแยะ และบริหารจัดการข้อมูลเหล่านั้น

โอเชี่ยน สกาย เน็ตเวิร์ค ชู \"Mandala AI\" โซลูชันการตลาด ดันรายได้บริษัทโต 200%

กำลังเข้าสู่ยุค AI

ยุคของบิ๊กดาต้าเลยจุดสูงสุดมาแล้ว และกำลังเข้าสู่ยุคของเอไอ หรือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจ และมีบทบาทอย่างมาก จากความสามารถในการประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยมีการคาดการณ์ว่าการใช้งานเอไอในตลาดทั่วโลกจะเติบโตถึงปีละ 37.3% (ระหว่างปี 2022-2030) และมีโอกาสเข้ามาทำงานแทนคนกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก และจะมีตำแหน่งงานเกิดใหม่อีกราว 97 ล้านตำแหน่ง ที่มีศักยภาพทำงานร่วมกับเอไอ

ดังนั้น บริษัทฯ ในฐานะผู้พัฒนาเครื่องมือ Mandala Analytics วิเคราะห์บิ๊กดาต้าก็จะต้องมีเอไอเป็นตัวขับเคลื่อน โดย Mandala AI Ecosystem จะช่วยในการรวบรวม กลั่นกรอง ตลอดจนวิเคราะห์ ประมวลผล และสร้างสรรค์ข้อมูลจาก Big Data บนโลกออนไลน์ โดยมีเป้าหมายในการช่วยให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จาก Social Media Data ได้ (Make data accessible for everyone) 

 

Mandala AI Ecosystem หัวใจหลักสำคัญ 4 ระบบ

1. Seed Engine: ระบบรวบรวม และจัดเก็บ และบริหารจัดการข้อมูล Big data ที่มีอยู่บน Social Media อาทิ Facebook, Instagram, Twitter, YouTube และอื่นๆ

2. Paradigm Engine: ระบบ Machine Learning คือการเรียนรู้ชุดข้อมูล Data Processing, Modeling, Classification, และ Predictive Modeling

3. Mandala AI Engine: ระบบวิเคราะห์ กลั่นกรอง และประมวลผลข้อมูล Big Data

4. MandalaGPT: ระบบ AI Deep Learning หรือการเรียนรู้ข้อมูล Big Data เชิงลึกเพื่อให้ AI สามารถพัฒนาตัวเอง คัดเลือกข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง หรือสร้างสรรค์ข้อมูลได้เองจากชุดข้อมูลที่กำหนด

ข้อมูลที่อยู่ในระบบ Mandala AI Ecosystem เป็นข้อมูลที่ได้รับการรับรองจาก Meta (Facebook, Instagram, WhatsApp), Google and YouTube, Twitter, Pantip และ Reddit ซึ่งระบบของบริษัทฯ มีข้อมูลมากกว่า 20 พันล้านเซ็ต และสามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลได้มากกว่า 100 ล้าน เมนชันส์ (Mentions) ต่อวัน

ตั้งเป้ารายได้เติบโต 200%

สำหรับแผนดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2566 ตั้งเป้ารายได้เติบโตอยู่ที่ 200% จากปีก่อน มีแผนขยายตลาดในกลุ่มของ SaaS Products ได้แก่ Mandala Cosmos แพลตฟอร์มที่ใช้ในการติดตามเทรนด์ในโซเชียลมีเดีย และ Mandala Analytics แพลตฟอร์มที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดียเชิงลึก ในตลาดประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ และกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาสเปน  และจะเน้นทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อให้นักลงทุนมีความสนใจมากขึ้น

บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นในการสร้างสรรค์ระบบและเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าไว้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ Mandala AI ที่มีทั้งระบบ Social Listening & Monitoring, Data Analytics, CRM, CPD Platform และอื่นๆ ซึ่งเป็น Software as a Services (SaaS) หรือการพัฒนา Paradigm Engine ในฐานะ Platform as a Service (PaaS) ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเทรนโมเดลเอไอได้เอง เป็นต้น

“จากผลิตภัณฑ์พื้นฐานทั้งหมดที่มีของเราสามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั้งผู้ใช้งานทั่วไปที่สามารถ Subscription เพื่อใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน นักสร้างคอนเทนต์ (Content Creators) กลุ่มเอสเอ็มอี (SMEs) ดิจิทัล เอเจนซี่ รวมไปถึงองค์กรภาครัฐ และกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งพร้อมที่จะขยายบริการออกไปทำตลาดทั่วโลกได้ด้วย” ดร.เอกลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย