สัปดาห์เดียว! ถูกหลอกลวง 5 พันคดี สถิติพุ่งแจ้งความออนไลน์ เสียหาย 500 ล้าน

สัปดาห์เดียว! ถูกหลอกลวง 5 พันคดี สถิติพุ่งแจ้งความออนไลน์ เสียหาย 500 ล้าน

สถิติพุ่ง ตัวเลขรับแจ้งความออนไลน์ พบสัปดาห์เดียว ประชาชนถูกหลอกลวงกว่า 5 พันคดี เสียหายร่วม 500 ล้าน อันดับแรกหลอกซื้อขายสินค้า-บริการ ขณะที่ ตร.แจงคดีซ้ำเติมปชช.หลอกทำรายได้พิเศษ-ภารกิจซื้อหุ้นเว็บไซต์ปลอมเทรดหุ้นชื่อดัง เริ่มเพิ่มมากขึ้น

"หลอกขายสินค้า" ยังเป็นอันดับหนึ่งในการรับแจ้งความออนไลน์ โดยล่าสุดทางด้านพล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐาะนะหัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วยคณะทำงาน แถลงข่าวเตือนภัยออนไลน์ประจำสัปดาห์ โดยมีสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ที่น่าสนใจในห้วงวันที่ 30 พ.ค.-3 มิ.ย.2566 รับแจ้งความทั้งหมด 5,644 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 476 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 842 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 51 ล้านบาท 

 

  • สถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่

1. คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ รับแจ้ง 3,074 คดี เสียหาย 36 ล้านบาท
2. คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ รับแจ้ง 720 คดี เสียหาย 90 ล้านบาท
3. คดีหลอกลวงให้กู้เงิน รับแจ้ง 558 คดี เสียหาย 22 ล้านบาท
4. คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) รับแจ้ง 267 คดี เสียหาย 80 ล้านบาท
5. คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ รับแจ้ง 224 คดี เสียหาย 105 ล้านบาท

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ตอท.)กล่าวว่า คดีออนไลน์ที่มิจฉาชีพนำมาหลอกลวงซ้ำเติมประชาชนในช่วงนี้ คือ คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ โดยการหลอกให้สมัครงาน สุดท้ายอ้างคนเต็ม ให้ทำภารกิจลงทุนแทน มิจฉาชีพโฆษณารับสมัครงาน ทาง Facebook โดยใช้รูปและโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือชักชวนให้ทำงาน 

  • โดยมีเงื่อนไขในการสมัครงานง่าย รายได้ดี ผู้เสียหายหลงเชื่อทักสอบถามรายละเอียด

- มิจฉาชีพคนที่ 1 ให้เพิ่มเพื่อนไลน์มิจฉาชีพคนที่ 2
- มิจฉาชีพคนที่ 2 อ้างว่ามีคนทำงานตามที่โฆษณาเต็มแล้ว เสนอให้ผู้เสียหายทำภารกิจซื้อพอร์ตหุ้นในเว็บไซต์ปลอม เทรดหุ้นชื่อดัง โดยจะได้ผลตอบแทน 20% ผู้เสียหายหลงเชื่อกดลิงก์สมัครและลงทุนในเว็บไซต์ตามคำแนะนำของมิจฉาชีพ

ครั้งแรกลงทุน 100 บาท ได้ 130 บาท ถอนเงินออกได้
ครั้งที่สองลงทุน 300 บาท ถอนเงินออกได้ 390 บาท
ครั้งที่ 3 ลงทุน 800 บาท จำนวนเงินขึ้นในเว็บไซต์ 960 บาท แต่ยังถอนไม่ได้

มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องลงทุนเพิ่มอีก 6 ครั้ง ในแต่ละครั้งต้องลงทุนเพิ่มเป็น 2 เท่า ของครั้งก่อนผู้เสียหายลงทุนเพิ่มเรื่อยๆ สุดท้ายเมื่อทำเรื่องถอน

มิจฉาชีพอ้างว่าสลิบไม่บันทึกตามที่แอดมินแจ้ง ต้องโอนเงินเพิ่มเพื่อแก้ไข และต่อมาก็อ้างข้อผิดพลาดต่างๆ และไม่คืนเงินให้ผู้เสียหาย

นอกจากนี้ ยังพบหลอกสมัครทำงานพิเศษ แต่ต้องเสียเงินค่าทำสัญญา ค่าบัตร ค่าประกันสินค้ามิจฉาชีพเปิดเพจ Facebook ปลอม โดยนำโลโก้กรมการจัดหางานมาประกอบการโฆษณารับสมัครพนักงานแพ็คสบู่ โดยได้ค่าตอบแทนสูง ตามแพคเกจ โดยมีแพคเกจเริ่มต้นที่ก้อนละ 10 บาท ชุดละ 400 ก้อน (บางกรณีหลอกจัดเตรียมสินค้าหรือแพคสินค้า)

 ผู้เสียหายหลงเชื่อทักแชทสนทนา
- มิจฉาชีพคนที่ 1 ให้เพิ่มเพื่อนไลน์มิจฉาชีพคนที่ 2 เพื่อแจ้งรายละเอียดการทำงาน
- มิจฉาชีพคนที่ 2 ให้ทำสัญญาเป็นเงิน 2,099 บาท ค่าบัตรพนักงาน 1,299 บาท และค่าประกันสินค้า 599 บาท
โดยจะคืนเงินทั้งหมดเมื่อทำภารกิจสำเร็จ เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้ไปแล้วจะอ้างเรื่องต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่ม 

สุดท้ายปิดกั้น ผู้เสียหายหรือปิดเพจหนีไป จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลอกเชื่อและควรตรวจสอบหน่วยงานที่เชื่อถือได้ หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple Apps Store เท่านั้น ไม่ควรดาวน์โหลดจากลิงก์หรือข้อความที่มีคนส่งให้

พล.ต.อ.สมพงษ์ กล่าวเน้นย้ำและเตือนประชาชนขอให้ตรวจสอบให้มั่นใจก่อน โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลว่ามีการแอบอ้างว่ามีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ เช่น สายการบินที่น่าเชื่อถือหลอกว่าผู้เสียหายเป็นลูกค้าชั้นดีชั้นธุรกิจ ใช้บริการของสายการบินจึงจัดโปรโมชั่นเพื่อตอบแทนที่เป็นลูกค้าชั้นดี หากใช้บริการจะได้ส่วนลด 20-30% พอผู้เสียหายสนใจก็จะให้โอนเงิน

“ส่วนใหญ่เป็นบัญชีม้าจากนั้นก็จะติดต่อไม่ได้ เช่นเดียวกับโรงแรมที่พักโดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวจะหลอกว่ามีโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดความสนใจที่ผ่านมามีผู้เสียหายหลงเชื่อหลายราย จึงควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน เช่นโทรศัพท์ไปสอบถามทางโรงแรมที่เป็นหมายเลขหรือเบอร์ท้องถิ่นนั้นๆ เป็นต้น ไม่ควรกดหรือโทรเบอร์ที่แนบมาตามลิ้งค์เพราะมีโอกาสจะตกเป็นเหยื่อสูง หรือกรณีที่มีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้านลำพัง ขอให้เตือนว่าอย่าไปกดหรือทางที่ดีควรใช้มือถือรุ่นเก่าแต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องคอยเตือนเนื่องจากที่ผ่านมามีผู้เสียหายจำนวนมาก”