หุ้น KBANK - SCB กอดคอร่วง นักลงทุนกังวล STARK ค้างชำระหนี้

หุ้น KBANK - SCB กอดคอร่วง นักลงทุนกังวล STARK ค้างชำระหนี้

SCB - KBANK กอดคอร่วง หลังนักลงทุนกังวลหุ้น STARK ผิดค้างชำระหนี้ เช้านี้ เวลา 11.35 น. SCB ราคาร่วงมาที่ 99.50 บาท หรือ -1.00 บาท เปลี่ยนแปลง -1.00% ขณะที่ KBANK ราคาร่วงมาที่ 128.00 บาท หรือ -3.50 บาท เปลี่ยนแปลง -2.66%

หลังจากที่ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เกิดปัญหาภายในเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการและผู้บริหารชุดใหม่ ยกเว้น นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ทำให้ไม่สามารถนำส่งงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งถูกสำนักงาน ก.ล.ต. สั่งระงับไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นของ STARK ในครั้งนี้ได้สร้างความกังวลแก่นักลงทุนไม่ใช่น้อย รวมถึงสถาบันการเงินที่มีการปล่อยสินเชื่อให้กับ STARK 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า กลุ่มแบงก์ที่ประกาศผลประมาณการไตรมาส 1/66 ออกมาค่อนข้างดีทั้ง KTB และ TTB ส่งผลให้ทั้งกลุ่มธนาคารน่าจะดี  อย่างไรก็ตาม พอมีปัญหาเรื่องความกังวลต่อหุ้น STARK เลยส่งผลให้หุ้น SCB และ KBANK ปรับตัวร่วงลงมา เนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลต่อการคืนเงินกู้ของ STARK พอเกิดการปิดงบไม่ได้สิ่งที่เกิดการผิดนัดชำระ จึงทำให้นักลงทุนประเมินความเสี่ยงไว้ก่อนว่า จะไปกระทบเงินกู้ที่มีต่อธนาคารทั้ง 2 แห่งนี้ 

ทั้งนี้ KBANK มีการปล่อยสินเชื่อให้ STARK 5,000 ล้านบาท ขณะที่ SCB มีการปล่อยสินเชื่อแก่ STARK 2,000 - 3,000 ล้านบาท หากสมมติมีการผิดชำระหนี้ขึ้น ผู้ตรวจสอบบัญชีให้ตั้งสำรองทั้งหมดทันทีจะกระทบกำไรของ KBANK ประมาณ 47% ต่อประมาณการกำไรไตรมาส 1/66 ส่วน SCB คาดว่า จะเพิ่มความเสี่ยงด้านลบ 22% ให้กับประมาณการกำไร 1/66 

อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกันระหว่าง SCB กับ KBANK ยังชื่นชอบหุ้น SCB เนื่องจากราคาปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก และอยู่ในกลุ่มของหุ้นใหญ่ที่แลกการ์ด ขณะที่ KBANK มีความเสี่ยงจาก SMEs ที่สูงกว่า และหากย้อนไปดูตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เงินกู้ SMEs ทั้งระบบมีการปรับตัวลดลง ฉะนั้นเงินในการปล่อยกู้ยังไม่เคยกลับสู่ระบบ จึงส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจ SMEs ยังไม่ได้เกิดการฟื้นตัว จึงยังต้องระมัดระวัง

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มว่า ธนาคารพาณิชย์ที่มีความเกี่ยวข้องในการปล่อยกู้สินเชื่อให้กับ STARK คือ KBANK  และ SCB ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอดูข้อมูลจากผู้บริหารของ 2 ธนาคารอีกที ว่าในแง่ของตัวเลขต่างๆ นั้นอยู่ในระดับสูงขนาดไหน และในความเสี่ยงของ  STARK ในช่วงถัดไป จะอยู่ในระดับแค่ไหน 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหุ้นกลุ่มแบงก์ที่มีการประกาศงบออกมาทั้ง KTB และ TTB ถือว่าค่อนข้างดีมาก ยังถือว่า เป็นอีกหนึ่งเซกเตอร์ที่ปลอดภัย ฉะนั้นงบที่ออกมาในไตรมาส 1/66 การตั้งสำรองน้อยมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นการช่วยซัพพอตกำไรที่ออกมา ทั้งนี้เชื่อว่า อีกหลายๆ แบงก์ประกาศงบออกมาก็น่าจะดีด้วยเช่นกัน 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์