จับผู้บริหาร บมจ. เบี้ยวไม่ส่งงบการเงิน ถูก ก.ล.ต. ปรับร่วม 2 ล้าน

จับผู้บริหาร บมจ. เบี้ยวไม่ส่งงบการเงิน ถูก ก.ล.ต. ปรับร่วม 2 ล้าน

ระวังตกเป็นเหยื่อ ตำรวจจับผู้บริหาร บมจ. เบี้ยวไม่ส่งงบการเงิน ถูก ก.ล.ต. ปรับร่วม 2 ล้าน

ตำรวจรวบผู้บริหาร บมจ. เบี้ยวไม่ส่งงบการเงิน ก.ล.ต. ฝ่าฝืนข้อบังคับ สอบเชิงลึกพบเป็นเพียงพนักงานบริษัท ถูกชวนให้มาเป็นกรรมการบริษัท-ไม่ต้องทำงาน ทำหน้าที่ผู้บริหารนอมินี ตร.ออกหมายเรียก กลับเฉยสุดท้ายถูกจับ-โทษปรับสูงร่วม 2 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธ ตำรวจเตือนหากถูกชวนเป็นกรรมการบริษัท ให้ศึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวข้อง


กลางดึกที่ผ่านมา  พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.ธีรภาพ ยั่งยืน ผกก.กก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ต.วรพจน์ ลลิตจิรกุล สว.กก.3 บก.ปอศ. จับกุม นายอรรถวัต (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 344/2566 ลง 2 ก.พ.66 ข้อหา “ร่วมกันไม่จัดทำและไม่นำส่งงบการเงินประจำปี และไม่จัดทำและนำส่งรายงานประจำปี” ได้ที่ บริเวณคอนโดแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงและเขตบางนา กทม.

การจับกุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้มีตัวแทนสำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งเอาผิด นายอรรถวัต ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ไม่มีการจัดทำงบการเงินและนำส่งรายงานทางการเงินต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ถือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับตามกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535

นอกจากนี้ จากแนวทางสืบสวนยังตรวจสอบพบว่า นายอรรถวัตนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงพนักงานบริษัท ของบริษัทดังกล่าว ที่ถูกชักชวนและลวงให้มาเป็นกรรมการบริษัท โดยให้สัญญาว่าจะรับผลประโยชน์มากขึ้น โดยไม่ต้องทำงาน เสมือนเป็นผู้บริหารในนามนอมินี แต่ด้วยเพราะเจ้าตัวไม่เคยไปทำงานและไม่ทราบหน้าที่ในการบริหารของบริษัท เป็นเหตุให้บริษัทได้ทำการฝ่าฝืนข้อบังคับตามกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ซึ่งมีโทษปรับรายวันและปัจจุบันได้ตรวจสอบแล้วพบว่าบริษัทฯ ยังฝ่าฝืน และยังไม่ได้ดำเนินการเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งมีโทษปรับมูลค่าสูงถึง 1.8 ล้านบาท

ภายหลังรับเรื่องจึงมีการออกหมายเรียกไปยังนายอรรถวัต ถึง 2 ครั้ง แต่นายอรรถวัตกลับเพิกเฉย ไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จนนำมาสู่การออกหมายจับและตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

จากการสอบสวนนายอรรถวัต ให้การปฏิเสธ เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่ พ.ต.อ.ธีรภาพ กล่าวว่า สำหรับคดีที่เกิดขึ้นอยากฝากประชาสัมพันธ์ไปพี่น้องประชาชนทุกคนให้ทราบว่าหากมีผู้ใดมาชักชวนเป็นกรรมการบริษัทหรือผู้มีอำนาจลงนาม ควรศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและขอย้ำเตือนว่า บริษัทมหาชนมีหน้าที่ต้องจัดทำและนำส่งงบการเงินและรายงานประจำปี ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยให้ปฏิบัติตรงตามระยะเวลาที่กำหนด หากเพิกเฉยถือเป็นความผิดทางอาญา ทั้งบริษัทหรือผู้ประกอบกิจการในนามนิติบุคคลและบุคคลทั่วไป