PTTเผยปี65 กำไร 9.12 หมื่นล้าน เทียบปี 64 กำไรที่ 1.08 แสนล้าน ปันผล 0.70 บาท

PTTเผยปี65 กำไร 9.12 หมื่นล้าน เทียบปี 64 กำไรที่ 1.08 แสนล้าน ปันผล 0.70 บาท

PTT เผยปี 65 กำไรสุทธิ 9.12 หมื่นล้าน เทียบปี 64 กำไรที่ 1.08 แสนล้าน เหตุธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานลดลงจากต้นทุนก๊าซฯที่ปรับตัวสูงขึ้น และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นลดลงเช่นกัน พร้อมอนุมัติจ่ายปันผลอีก 0.70 บาท

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลดำเนินงานปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 91,174.85 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 108,363.41 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทจะมี EBITDA เพิ่มขึ้น เนื่องจากในปี 2565 มีขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ต้นทุนทางการเงิน ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำสุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นรายการขาดทุนประมาณ 10,200 ล้านบาท

โดยหลักจากการด้อยค่าสินทรัพย์โครงการโมซัมบิก แอเรีย 1ประมาณ 4,300 ล้านบาท ประมาณการหนี้สินสำหรับการระงับการดำเนินคดีแบบกลุ่มจากเหตุการณ์แหล่งมอนทาราประมาณ 3,000 ล้านบาท การด้อยค่าสินทรัพย์ของ PTTEP BL ภายหลังจากการจัดประเภทเป็นสินทรัพย์ที่ถือไว้เพื่อขายประมาณ 2,300 ล้านบาท ของ PTTEP

รวมถึงการจ่ายเงินสนับสนุนเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงช่วงสถานการณ์วิกฤติจำนวน 3,000 ล้านบาท สุทธิกับการรับรู้ส่วนลดจากปริมาณที่ผู้ผลิตส่งได้ไม่ถึงปริมาณตามสัญญา (Shortfall) ประมาณ 3,400 ล้านบาทของ ปตท. ขณะที่ในปี 2564 มีผลขาดทุนประมาณ 6,900 ล้านบาท โดยหลักจากการด้อยค่าสินทรัพย์โครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 ประมาณ 3,600 ล้านบาท และการด้อยค่าทรัพย์สินของธุรกิจ NGV ประมาณ 3,500 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานลดลงจากต้นทุนก๊าซฯที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก จากการนำเข้า Spot LNG เพื่อรองรับความต้องการใช้ก๊าซในประเทศ และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีผลการดำเนินงานลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีที่ราคาปิโตรเคมีปรับลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงในปี 2565 ต้นทุนทางการเงิน ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ และ ผลขาดทุนจากการรับรู้รายการขาดทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำสุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2564

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีมติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 2 บาท ซึ่งได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 1.30 บาท เมื่อตุลาคม 2565  คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายอีกในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท โดยกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และกองทุนวายุภักษ์รับปันผล 36,144 ล้านบาท