หุ้น TSMC ร่วง 6% หลัง ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เทขายเกือบเกลี้ยงพอร์ต

หุ้น TSMC ร่วง 6% หลัง ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เทขายเกือบเกลี้ยงพอร์ต

หุ้น TSMC ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ร่วง 6% วานนี้ หลัง เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ บริษัทโฮลดิงส์ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ลดสัดส่วนลงทุนลง 86% กูรูชี้เพราะเป็นหน้าหุ้นที่ให้ผลกำไรน้อย

Key Points

  • วานนี้หุ้นของ TMSC ร่วง 6%  หลัง เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ บริษัทโฮลดิงส์ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เทขาย 86% ไตรมาสที่แล้ว 
  • ในขณะที่เดือนพ.ย. เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ มีสัดส่วนลงทุนในบริษัทดังล่าว 4.1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.353 หมื่นล้านบาท 
  • กูรูมองว่าท่าทีการขายหุ้น TMSC ครั้งนี้เป็นท่าทีที่ไม่ปกติ เนื่องจากวอร์เรน บัฟเฟตต์มักถือหุ้นครั้งละหลายปี ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเป็นหุ้นที่ให้ผลกำไรน้อย

หนังสือชี้ชวนการลงทุนของเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ บริษัทโฮลดิงส์ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) ซึ่งเผยแพร่ในเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (ก.ล.ต.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ระบุว่าปัจจุบันบริษัทฯ มีใบรับฝากหุ้น (ADS) ของ TSMC อยู่ 8.3 ล้านหุ้น มูลค่า 618 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.0394 หมื่นล้านบาท) จากเดิมในเดือนพ.ย.ที่มีอยู่ 60 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 4.1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.353 แสนล้านบาท)  ทั้งนี้คิดเป็นอัตราการลดลงถึง 86% จากจำนวนหุ้นเดิมทั้งหมดในเดือนพ.ย.

อย่างไรก็ตาม เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ และ TSMC ยังไม่ให้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว 

ด้าน คาธี ไซเฟิร์ต นักวิเคราะห์จาก CFRA Research สถาบันวิจัยเพื่อการลงทุน สัญชาติอเมริกัน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ชอบหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่บริษัทฯ ได้กำไรจากหุ้น TSMC น้อย จึงไม่แปลกที่จะลดสัดส่วนลง และถ้าคำนวณไม่ผิดบริษัทฯ ซื้อหุ้นดังกล่าวมาในราคา 68.5 ดอลลาร์ต่อหุ้น (ประมาณ 2,260.5 บาท) และขายไปที่  74.5 ดอลลาร์ต่อหุ้น (ประมาณ 2458.5 บาท)

บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบิสซิเนสอินไซด์เดอร์ ระบุว่า ท่าทีของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ครั้งนี้แตกต่างออกไปจากสิ่งที่เขายึดถือ เนื่องจากที่ผ่านมาเขามักเน้นถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในเป็นระยะเวลาหลายปี เนื่องจากมั่นใจว่าหุ้นเหล่านั้นมีพื้นฐานที่ดีและมั่นคง

ย้อนกลับไปเมื่อกลางเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวันแรกๆ ที่ เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ เข้าซื้อหุ้น TSMC จากการเข้าซื้อครั้งนั้นส่งผลให้ราคาหุ้น TSMC พุ่งสูงขึ้น 18% ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกต่างลดอัตราการผลิตลงเนื่องจากปัญหาความต้องการขายล้นตลาด (Oversupply)

น่าสนใจว่า จากกระแสความนิยมแชทบอทจากระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งผลให้นักลงทุนเพ่งความสนใจไปที่ TSMC โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเปิดตัว OpenAI.com และ ChatGPT ในช่วงเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว จนส่งผลต่อเนื่องให้ ในช่วงต้นของปี 2566 หุ้น TSMC ปรับตัวขึ้น 30%

ทั้งนี้ แม้งบประมาณไตรมาส 4 ของ TSMC ออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ ทว่าเมื่อเดือนที่แล้วบริษัทฯ คาดการณ์ว่ารายได้ไตรมาส 1 ปีนี้อาจลดลงถึง 5% ทั้งยังอาจเผชิญปัญหาอุปสงค์อ่อนแอ (Weak Demand) 

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทฯ เพิ่งจะมีมติอนุมัติเงินกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.32 แสนล้านบาท) เพื่อเป็นเงินโบนัสให้พนักงานที่ทำงานดี และเป็นส่วนแบ่งกำไร (Profit Sharing) ให้พนักงานในไต้หวันด้วย 

อนึ่ง ช่วงเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ไม่เพียงปรับลดสัดส่วนการถือหุ้น TSMC เท่านั้น แต่ยังปรับพอร์ตการลงทุนในหน้าหุ้นอื่นด้วยเช่น US Bancorp และ BNY Mellon สองธนาคารสัญชาติอเมริกัน รวมทั้ง Activision Blizzard บริษัทโฮลดิงส์ด้านวิดีโอเกม สัญชาติอเมริกัน ในขณะที่เพิ่มหุ้นของ Apple Inc เข้ามา

การเทขายหุ้น TSMC และสงคราม ‘ชิป’

ท่ามกลางความตึงเครียดด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องการช่วงชิงความเป็นที่ 1 ในด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นที่ต้องการของทั่วโลก เนื่องจากการมาถึงของเทรนด์ปัญญาประดิษฐ์ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ พบปะและจับมือกับ มาร์ค หลิว ประธานบริษัท TSMC หลังจากการเยี่ยมชมโรงงานของบริษัทฯ ณ เมืองฟีนิกซ์ มลรัฐแอริโซนา

นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งมองว่า ไต้หวันไม่ต้องการสูญเสียความเป็นที่ 1 ในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำคัญของโลก เพราะฐานะดังกล่าวเป็นเหมือน ‘ซิลิคอนชีลด์’ หรือโล่ที่ป้องกันไม่ให้จีนเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของประเทศได้ โดยขณะนี้ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตจาก TSMC อยู่ในคอมพิวเตอร์สเปคสูงในโลกนี้มากถึง 90% 

ดังนั้นการเทขายหุ้นของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ครั้งนี้จึงเป็นที่จับตาของประชาชนทั่วโลก รวมทั้งอาจทำให้ TSMC ในฐานะ ‘ซิลิคอนชีลด์’ ต้องกลับมาทบทวนการทำงานของตัวเองอีกครั้ง