“วอร์เรน บัฟเฟตต์” มอง 3 เหตุผล “คริปโท” มีจุดจบที่แย่

“วอร์เรน บัฟเฟตต์” มอง 3 เหตุผล “คริปโท” มีจุดจบที่แย่

"บิตคอยน์" ลู่ทางของเศรษฐี หรือเป็นเพียง “การฟื้นตัวระยะสั้น” หากย้อนกลับไปในปี 2561 “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ผู้มีฉายาว่า “Oracle of Omaha” หรือเทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา ได้ทำนายว่า บิตคอยน์ และ คริปโทเคอเรนซี่ อาจประสบปัญหากับ “จุดจบที่เลวร้ายมาก”

หลังจากที่ราคาบิตคอยน์ สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี่ที่ครองมูลค่าตลาดมากที่สุดพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เคลื่อนไหวที่ประมาณ 69,000 ดอลลาร์ ต่อหนึ่งเหรียญในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2561 แต่ขณะนี้ได้ปรับตัวลดลงประมาณ 67% โดยอยู่ที่ประมาณ 23,000 ดอลลาร์ แต่นักลงทุนยังคงมีความหวังจาก "ตลาดขาขึ้น" เนื่องจากต้นปี 2566 บิตคอยน์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 40% แล้ว

มาดูกันว่า "วอร์เรน บัฟเฟตต์" นักลงทุนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกมีความเห็นอย่างไรสำหรับการ "ซื้อบิตคอยน์" ในตอนนี้

“ถ้าคุณ … เป็นเจ้าของ บิตคอยน์ ทั้งหมดในโลก และคุณเสนอให้ฉันในราคา 25 ดอลลาร์ ฉันจะไม่รับมัน” บัฟเฟตต์กล่าว

นอกเหนือจากประวัติที่น่าผิดหวังของบิตคอยน์แล้ว บัฟเฟตต์ ยังเผยอีก 3 เหตุผลที่ทำให้เขาไม่เข้าใกล้มัน

1. ไม่มี 'คุณค่าที่ไม่ซ้ำใครเลย'

นักลงทุนมหาเศรษฐีไม่ชอบ "บิตคอยน์" เพราะเขาคิดว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่ไม่เกิดผล

บัฟเฟตต์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีในปี 2563 ว่ามีความชื่นชอบหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าและกระแสเงินสดที่เติบโตมาจากการผลิตสิ่งต่างๆ แต่คริปโทไม่มีมูลค่าที่แท้จริง

“คริปโทไม่สามารถส่งเช็คให้คุณ ไม่สามารถทำอะไรได้ และสิ่งที่คุณหวังคือ จะมีคนอื่นเข้ามาและจ่ายเงินให้คุณมากขึ้นสำหรับพวกมันในภายหลัง แต่แล้วคนเหล่านั้นก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับราคาที่ปรับตัวลดลง”

แม้ว่าบิตคอยน์มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มูลค่าที่แท้จริงในฐานะระบบการชำระเงิน แต่การใช้งานนั้นยังมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก ดังที่บัฟเฟตต์มองเห็นว่ามูลค่าของบิตคอยน์มาจากความเสี่ยงในอนาคต ที่คาดว่าจะได้ผลกำไรตอบแทนมากกว่ามูลค่าในปัจจุบัน

2. "คริปโท" ไม่นับเป็นเงิน

บัฟเฟตต์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับ บิตคอยน์ และ คริปโท ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า "ผมไม่มีบิตคอยน์ ผมไม่ได้เป็นเจ้าของคริปโทใดๆ และผมจะไม่มีวันเป็นเจ้าของ”

ในยุคที่บิตคอยน์เฟื่องฟู และหากจะต้องการให้เป็นสินทรัพย์ที่ซื้อขายได้ จะต้องดูว่าบิตคอยน์เข้าเกณฑ์ของการเป็น“เงิน” ตามคำจำกัดความทั่วไป 3 ประการหรือไม่ นั้นคือ  1.เงินควรเป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยน 2.ที่เก็บมูลค่าและ 3.หน่วยของบัญชี อย่างไรก็ตามบัฟเฟตต์ยังคงเรียกบิตคอยน์ว่า "ภาพลวงตา"

“บิตคอยน์ไม่เป็นไปตามการทดสอบของสกุลเงิน และไม่ใช่วิธีการแลกเปลี่ยนที่คงทน จากที่บิตคอยน์ไม่ใช่ตัวเก็บมูลค่า” บัฟเฟตต์กล่าว

พร้อมทั้งเสริมว่า มันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการส่งเงินโดยไม่ระบุตัวตน แต่ขณะเดียวกันเช็คก็เป็นวิธีการส่งเงินเช่นกัน เนื่องจากเช็คสามารถระบุค่าเป็นเงินจำนวนมากได้

3.บัฟเฟตต์ไม่เข้าใจ

บัฟเฟตต์ ถือเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยการลงทุนกับหุ้นและสินทรัพย์ต่างๆที่เข้าใจอย่างถ่องแท้

"ผมยุ่งมากพอแล้วกับสิ่งที่ได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมฉันจึงควรเปิดสถานะซื้อหรือขายในสิ่งที่ผมไม่รู้และไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้"

แต่นั้นเป็นเพราะคนชอบเล่นการพนัน “ถ้าคุณไม่เข้าใจ คุณจะรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่คุณเข้าใจ คุณสามารถมีทุกสิ่งที่คุณต้องการจินตนาการได้หากคุณเพียงแค่มองบางสิ่งแล้วพูดว่า 'นั่นคือเวทมนต์'”

 

บัฟเฟตต์เลือกหุ้น "ผู้ชนะ" อย่างไร?

นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีเดินตามกลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ซึ่งเน้นการซื้อหุ้นที่มีมูลค่าต่ำของบริษัทที่แข็งแกร่งและถือไว้เป็นเวลานาน

เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway) บริษัทโฮลดิ้งข้ามชาติสัญชาติอเมริกันของมหาเศรษฐีเจ้าพ่อนักลงทุนมองหาบริษัทที่มีอัตรากำไรดีและบริษัทที่ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใครซึ่งไม่สามารถทดแทนได้ง่ายๆ ดังที่วอร์เรนบัฟเฟตต์เคยกล่าวไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของเขาว่า “การซื้อบริษัทที่ยอดเยี่ยมในราคาที่ยุติธรรมย่อมดีกว่าการซื้อบริษัทที่ยุติธรรมในราคาที่ยอดเยี่ยม”

อย่างไรก็ตาม การที่บัฟเฟตต์ไม่ชอบ “คริปโท” ไม่ได้แปลว่าคุณไม่ควรซื้อ “บิตคอยน์” เพราะแม้แต่มหาเศรษฐีก็ยังเคยเข้ามาในอุตสาหกรรมที่เคยต่อต้าน จากที่บัฟเฟตต์ หลีกเลี่ยงหุ้นเทคโนโลยี แม้ในช่วงที่ฟองสบู่ดอทคอมพุ่งสูงซึ่งหากมองพอร์ตหุ้นในปัจจุบันบริษัทของเขาถือหุ้นใหญ่ที่สุดคือ Apple