Sideways Up ซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Reopening Play

Sideways Up ซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Reopening Play

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,671/1,680 จุด แนวรับ 1,660/1,651 จุด ทางเทคนิค ดัชนีฯ มีโอกาสพุ่งขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,671 จุด อีกครั้ง หากสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้

โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,684/1,700 จุด คำแนะนำ เชิงกลยุทธ์ แนะนำ ซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่ม Reopening Play และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาน้ำมันปรับลดลง ซึ่งเราคาดว่ามีแนวโน้ม Outperform ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ หุ้นแนะนำ ERW MAKRO GULF

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: AWC BGRIM CK CENTEL GLOBAL BH BEM CPALL AOT BBL CPN MINT HMPRO KTB TTB BDMS (ขาย LH ซื้อ GULF)

+ Daily Recommendations: ERW (รับอานิสงส์ High Season ของภาคการท่องเที่ยว แนวรับ 4.40/4.38 บาท แนวต้าน 4.58/4.70 บาท) MAKRO (Free Float เข้าเกณฑ์ที่มีโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี MSCI ในรอบต่อไป แนวรับ 39.00/38.00 บาท แนวต้าน 42.50/43.50 บำท) GULF (ได้ประโยชน์จากค่า Ft ที่สูงขึ้นเต็มไตรมาสใน 4Q22 แนวรับ 54.50/53.50 บาท แนวต้าน 56.50/57.50 บาท)

+ หุ้นได้ประโยชน์จากการยกเลิกการกักตัวของจีน: AOT AAV BAFS BA

+ หุ้นกลุ่ม Reopening ที่มีแนวโน้มกำไรโดดเด่น: CENTEL ERW SHR BCH

+ หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ: CPALL CRC SNNP HMPRO GLOBAL

 

ปัจจัยบวก

+ Thailand: ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปิดบวกในสัปดาห์แรกของปี อิงจากสถิตปี 2016–22 ซึ่งตลาดหุ้นไทยปิดบวก 5 จาก 7 ปี ด้วยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย +1.40%

+ Thailand: เราประเมินเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. (ประกาศวันที่ 5 ม.ค.) มีโอกาสต่ำกว่าที่ Consensus คาดที่ 5.90% YoY จากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลง 3.0% MoM และ 2.0% MoM ตามลำดับ

 

 

 

ประเด็นสำคัญ

- US: S&P Global Mfg PMI เดือน ธ.ค. ครั้งสุดท้ายคาด 46.2 (Vs เดือน พ.ย. 47.7)

- China: Caixin Mfg PMI เดือน ธ.ค. คาด 48.8 (Vs เดือน พ.ย. 49.4)

- Germany: เงินเฟ้อเดือน ธ.ค. คาด +9.1% YoY (Vs เดือน พ.ย. 10% YoY)

- Thailand: Retail Sale เดือน ต.ค. คาดขยายตัว +4.9% YoY ขยายตัวลดลงจากเดือน ก.ย. ที่ +12.4% YoY

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเป็นวันที่ 8: ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน โดยมีปัจจัยหลักจากการปรับขึ้นของ DELTA (ปิด 830 บาท +14.96%) หนุน SET Index ทำจุดสูงสุดที่ 1,678.17 จุด ก่อนจะอ่อนตัวปลายตลาดมาปิดที่ 1,668.66 จุด +7.46 จุด วอลุ่มซื้อขาย 7.7 หมื่นล้านบาท นำบวกโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +12.43% กลุ่มธนาคาร +0.25% กลุ่มพาณิชย์ +0.11% กลุ่มพลังงาน +0.09% หุ้นบวก >4% DELTA SKY MALEE TWZ SDC NATION WAVE POLY TRITN หุ้นลบ >4% PPPM EMC TSI TFI SUSCO NFC SORKON

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นยุโรปปิดลบ: DJIA -0.22% S&P500 -0.25% NASDAQ -0.11% ปิดลบท่ามกลางความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ โดยหุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณดัชนี S&P500 ปิดลดลงในวันศุกร์ นำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภค ส่วนหุ้นยุโรปปิดลบ CAC40 -1.52% DAX -1.05% FTSE -0.81% ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางในวันศุกร์ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของยอดผู้ติด COVID-19 ในจีน ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก นำลบโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ้มเฟือย กลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มธนาคาร

+ น้ำมันดิบสหรัฐฯ และทองคำปิดบวก: WTI +USD1.86 ปิดที่ USD80.26/บาร์เรล Brent +USD2.45 ปิดที่ USD85.91/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากความวิตกด้านอุปทานน้ำมันที่เกิดจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่วนราคาทองคำปิดบวกเล็กน้อย +20 เซนต์ ปิดที่ USD1,826.2/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของ Dollar Index -0.32% แตะที่ 103.5250

 

 

 

ประเด็นสำคัญ

- China: สำนักงานสถิติแห่งชำติ (NBS) ของจีน เปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตของจีนหดตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือน ธ.ค. และในอัตราที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อการผลิต หลังจากรัฐบาลจีนสั่งยกเลิกมาตรการควบคุม COVID-19 อย่างฉับพลัน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตอยู่ที่ 47.0 ในเดือน ธ.ค. ลดลงจาก 48.0 ในเดือน พ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 48.0 ในผลสำรวจของรอยเตอร์

- Ukraine-Russia: ยูเครนยิงจรวด HIMARS ที่ได้รับจากสหรัฐฯ โจมตีโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งในเมืองมาคิฟคา แคว้นโดเนตสก์ ซึ่งเป็นที่พักของทหารเกณฑ์รัสเซีย และอยู่ไม่ห่างจากคลังอาวุธของรัสเซีย ส่งผลให้ทหารรัสเซียเสียชีวิตราว 400 นาย และบาดเจ็บ 300 นำย

+ US: MNI Indicators ระบุว่า ดัชนีชี้วัดภาวะธุรกิจเขตชิคาโก (CBB) ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 44.9 ในเดือน ธ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 40.5 จากระดับ 37.2 ในเดือน พ.ย. ได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ แม้ว่าการจ้างงานปรับตัวลง

+ Thailand: ภาคธุรกิจของไทยเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจากรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศทั้งขาเข้า-ขาออก โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนมากถึงเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางมาไทยในช่วงก่อน COVID-19 ระบาด ซึ่งแนวโน้มการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ ภาคธุรกิจของไทยมีความหวังว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้

+ Thailand: สรุปภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยทั้งปี 2022 พบว่า SET Index ให้ผลตอบแทน +0.67% YoY, SET TRI ให้ผลตอบแทน +3.53% MoM, SET50 Index ให้ผลตอบแทน +1.46% MoM, SET100 Index ให้ผลตอบแทน -0.32% MoM และ Non-SET100 Index ให้ผลตอบแทน +3.78% MoM ส่วนหมวดอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนดีสุดในปี 2022 ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +57.44% YoY ท่องเที่ยวและสันทนาการ +36.28% YoY การแพทย์ +25.25% YoY พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ +13.69% YoY ขนส่งและโลจิสติกส์ +11.75% YoY ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอแทนแย่สุด คือ กลุ่มธุรกิจการเกษตร -20.41% YoY สื่อและสิ่งพิมพ์ -19.11% YoY เงินทุนและหลักทรัพย์ -16.55% YoY ส่วนหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนี SET100 Index และให้ผลตอบแทนดีสุดในปี 2022 ได้แก่ ESSO +71.43% MoM รองลงมา คือ CENTEL +60.8% MoM, FORTH +52.12% MoM, BH +50.35% MoM, PTTEP +49.58% MoM  ส่วนหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนแย่สุด คือ STGT -66.94% MoM รองลงมา คือ SYNEX -55.07% MoM, STARK -47.26% MoM, KCE -47.16% MoM และ SINGER -45.75% MoM