โบรกเกอร์ชี้ 'หุ้นสถานีชาร์จ EV' ยังมาแค่สตอรี่ ระวังความเสี่ยงเทคฯ ไม่เสถียร

โบรกเกอร์ชี้ 'หุ้นสถานีชาร์จ EV' ยังมาแค่สตอรี่ ระวังความเสี่ยงเทคฯ ไม่เสถียร

โบรกเกอร์มองหุ้นสถานีชาร์จ EV เป็นแค่หุ้นสตอรี่ตามกระแสเมกะเทรนด์อีวีมาแรงใน 3-5 ปี ธุรกิจยังอยู่ช่วงเริ่มต้นรายได้ - กำไรเป็นสัดส่วนน้อยเทียบธุรกิจหลัก ต้องระวังความเสี่ยงเทคโนโลยีชาร์จยังไม่เสถียร แต่หากลงทุนระยะยาวแนะทยอยสะสมได้

“วิจิตร อารยะพิศิษฐ” นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจสถานีชาร์จEVในปีหน้า และปีถัดไป จะเห็นการปูพรมให้ครอบคลุมทุกพื้นในประเทศไทยก่อน เพื่อรองรับตัวเลขยอดขายรถอีวีในอนาคตจะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันยอดขายรถอีวี จะมีแค่หลักพันคัน แต่ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมากในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า

ในแง่ของผลการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอีวีทั้งหมด มองยังไม่ทำกำไร หรือกำไรจากธุรกิจนี้เป็นสัดส่วนที่น้อยมากในปัจจุบัน โดยธุรกิจสถานีชาร์จอีวี ยังคงสร้างรายได้เป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับรายได้ธุรกิจหลักอยู่ แต่ภาพในอนาคตทางด้านรายได้ และกำไรเกี่ยวกับธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นแน่นอน

ดังนั้น มองว่า หุ้นกลุ่มธุรกิจสถานีชาร์จ EV เป็น “หุ้นสตอรี่” มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งในแง่ของการลงทุนในปีหน้ายังแนะนำว่า นักลงทุนควรพิจารณา พื้นฐานกำไรเป็นหลัก หรือ “ใช้กำไร นำ สตอรี่”

อีกทั้งนักลงทุนต้องระวังความเสี่ยงในแง่ของ “เทคโนโลยีการชาร์จอีวีที่ยังไม่เสถียร” ซึ่งหลายบริษัทอยู่ในช่วงกำลังศึกษาเทคโนโลยีดังกล่าวร่วมกับพาร์ตเนอร์ ซึ่งต้องจับตาเทคโนโลยีที่บริษัทเหล่านั้นกำลังศึกษาดีที่สุดจริงหรือไม่ และทำให้เกิดในแง่คอมเมอร์เชียลได้จริงหรือไม่ เพราะจะเป็นจุดที่ปลดล็อก เช่น เข้าปั๊มชาร์จรถอีวีเพียง 5 นาทีเสร็จ ไม่ต้องรอนานถึงครึ่งชั่วโมง จะทำให้เกิดอย่างแพร่หลาย

“แน่นอนว่า ปีหน้า และปีถัดไปการขยายจุดสถานีชาร์จ EV ยังต้องเดินหน้าไป แต่ต้องมั่นใจว่าเทคโนโลยีการชาร์จอีวีที่บริษัทต่างๆ ศึกษา และลงทุนไปดีที่สุดจริงๆ เพราะหากปูพรมขยายจุดสถานีชาร์จอีวีไปแล้ว แต่กลับมามีเทคโนโลยีการชาร์จอีวีใหม่เกิดขึ้น เก็บประจุได้ดีที่สุด ต้นทุนถูกที่สุด และชาร์จได้เร็วที่สุด ท้ายที่สุดการลงทุนไปนั้น ก็จะพลาดได้

“ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์” นักกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นที่ประกอบสถานีสถานีชาร์จอีวี มีมุมมองบวกต่อ “หุ้น PTG” ให้บริการระบบชาร์จราว 17 แห่ง “หุ้น OR” ให้บริการระบบชาร์จราว 100 แห่ง “หุ้น EA” มีสถานีชาร์จราว 459 แห่ง โดยบริษัทเหล่านี้มีแผนจะเพิ่มสถานีชาร์จ โดยเราคงมุมมองว่าความสำเร็จของสถานีชาร์จในระยะถัดไปจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนไทย เนื่องจากการเข้ามาของอีวีในไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ผู้ใช้รถอีวีบางคนระบุว่าพวกเขาต้องการชาร์จที่บ้านมากกว่าและการชาร์จที่สถานน่าจะเหมาะสมกว่าสำหรับการเดินทางไกล เช่นเดียวกับความเร็วของสถานีชาร์จ

อย่างไรก็ตามเรามองธุรกิจสถานีชาร์จEV เชิงบวก คาดจะเติบโตชัดเจนตามรถยนต์ EV รถยนต์ไฟฟ้าที่มากขึ้น อิงจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (ปี 2566 – 2570) ตั้งเป้า“ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า” โดยมุ่งเน้นพัฒนายานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle: ZEV) ตั้งเป้าหมายการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2573 จำนวน 440,000 คัน สถานีชาร์จ 3,000 หัวจ่าย 

ประกอบกับแรงหนุนในปี 2565 ที่รัฐบาลไทยออกสนับสนุนทั้งมาตรการภาษีของ BOI และ  มาตรการ แพ็กเกจ กระตุ้น EV อาทิ  1) เงินคืนสำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เริ่มต้น 18,000 บาท/75,000 บาท/150,000 บาท  2) ลดภาษีสรรพสามิตเป็น 2% สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคล/0% สำหรับ EVs เชิงพาณิชย์  3) ภาษีนำเข้าลดลง 40% (CBUs)   4) การยกเว้นภาษีสำหรับ CKD สำหรับ EV 9 รายการ ฯลฯ และการย้ายการผลิตยังเห็นทิศทางที่ดี อาทิ  TESLA

"กรภัทร วรเชษฐ์" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจสถานีชาร์จ อีวี คงเป็นการเติบโตแบบค่อยๆเป็นค่อยไปในปีหน้า ยังต้องจับตาดูว่าแต่สถานีจะมีการบริหารเพิ่มจุดสถานีชาร์จมากน้อยแค่ไหน และบริษัทที่ทำธุรกิจสถานีชาร์จ อีวี ยังมีรายได้ส่วนนี้เป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่เมื่อเทียบรายได้ธุรกิจหลักหรือรายได้รวมทั้งหมดอยู่

ดังนั้นแนะนำนักลงทุนว่า ในปีหน้าแม้ธีมการลงทุนเกี่ยวข้องกับอีวีที่เป็นเทรนด์มาแรง แต่ไม่ได้มองธีมหุ้นกลุ่มสถานีชาร์จอีวีเท่านั้น แต่เรามองธีมหุ้นแบตเตอรี่อีวี “ธุรกิจโรงไฟฟ้า” จะได้ประโยชน์โดยตรง ได้แก่ GPSC ราคาเป้าหมาย 84 บาท และ GULFราคาเป้าหมาย 58 บาท

ขณะที่ธุรกิจปั๊มน้ำมัน เช่น OR และ PTG คาดการณ์กำไรเติบโตดีในปีหน้าที่ 11% ราคาเป้าหมาย 29 บาท และ 12% ราคาเป้าหมาย 17 บาท แต่ส่วนใหญ่รายได้มาจากธุรกิจหลัก ขณะที่ BCP คาดการณ์กำไรปีหน้าไม่เติบโต ราคาเป้าหมาย 50 บาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจโรงกลั่น

หรืออย่าง CPALL คาดการณ์กำไรปีหน้าจะเติบโตมากถึง 55% ราคาเป้าหมาย 72 บาทแต่มาจากธุรกิจค้าปลีกเป็นหลักจากการบริโภคเร่งตัว ในส่วน DELTA ยังเป็นหุ้นเก็งกำไรในปีหน้า ธุรกิจกระจายในหลายส่วน และส่วนใหญ่เติบโตจากธุรกิจอีวีภาพรวม เดต้า และคลาวด์ มองว่าเป็นอุตสาหกรรมมีโอกาสเติบโตสูงในปีหน้า

     

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์