โบรกแนะเก็งกำไร ‘4หุ้นเข้าSET50’ เหตุมีปัจจัยเฉพาะตัวดันราคาไปต่อ

โบรกแนะเก็งกำไร ‘4หุ้นเข้าSET50’ เหตุมีปัจจัยเฉพาะตัวดันราคาไปต่อ

โบรกคาดเม็ดเงิน“กองทุนอินเด็กซ์ฟันด์-แอ็กทีฟฟันด์”ซื้อ4หุ้นเข้าคำนวณเซ็ท50รอบใหม่ต้นปี66 บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีคาดหุ้นเดลต้าขึ้นต่อได้รวม3วันจากกองทุนทยอยซื้อบล.เมย์แบงก์แนะเก็งกำไร

ราคาหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA)(วานนี้21 ธ.ค.)ที่ปรับตัวขึ้นแรงถึง 8.46% หรือเพิ่มขึ้น 56 บาท อยู่ที่ 718 บาท จากนักลงทุนเข้าเก็งกำไร ที่จะเข้าคำนวณใน ดัชนีSET 50 รอบต้นปีหน้า (ม.ค.-มิ.ย.2566)  ซึ่งมีผลต่อดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้ 5.70 จุด โดยดัชนีหุ้นไทยปิดที่  1,609.94 จุด เพิ่มขึ้น 5.50 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นได้ มาจากหุ้นDELTA เพราะราคาหุ้นที่ปรับขึ้น ทำให้ดัชนีหุ้นไทยขึ้นได้ถึง 5.70 จุด  ซึ่งหากไม่นับหุ้นDELTA ดัชนีหุ้นไทยวานนี้จะปรับตัวลง 

โบรกแนะเก็งกำไร ‘4หุ้นเข้าSET50’ เหตุมีปัจจัยเฉพาะตัวดันราคาไปต่อ

ทั้งนี้คาด ราคาหุ้นDELTA มีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้ต่ออีก 2 วันในช่วงก่อนสิ้นปีนี้  เพราะ ได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีSET50 ทำให้มีเม็ดเงินจากกองทุนอินเด็กซ์ฟันด์ เข้าลงทุน ซึ่งDELTA มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป)ที่สูงอันดับ3ของในตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีน้ำหนักในSET50 ที่ 6.7% ทำให้คาดมีเม็ดเงินเข้าซื้อก่อนที่จะสิ้นปีนี้ ประมาณ 3,437 ล้านบาท

ทั้งนี้เมื่อนำเม็ดเงินลงทุนที่ กองทุนอินเด็กซ์ฟันด์ จะต้องซื้อหารด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ DELTA ที่ 1,100 ล้านบาท เท่ากับกองทุนต้องใช้เวลาซื้อ 3 วัน ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสที่ปรับขึ้นได้   ส่วนหุ้นที่เข้าSET50 อีก 3 ตัว คือ  บมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา(CENTEL)จะมีเม็ดเงินกองทุนซื้อ 272 ล้านบาท มีระยะเวลาซื้อ 1.65 วัน ,บมจ. ราช กรุ๊ป (RATCH)มีเม็ดเงินกองทุนเข้าซื้อประมาณ 385 ล้านบาท มีระยะเวลาซื้อ 1.6 วัน และ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) มีเม็ดเงินเข้าซื้อ  310 ล้านบาท มีระยะเวลาซื้อ 0.5 วัน

“ระยะเวลาที่กองทุนเข้าซื้อหลายวัน ยิ่งทำให้ราคาหุ้นของหุ้นที่เข้าSET 50 มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้จากเม็ดเงินจากกองทุนอินเด็กซ์ฟันด์และแอ็กทีฟฟันด์เข้าซื้อ”    

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นที่ถูกคำนวณเข้า SET 50 กับ SET 100 รอบนี้สอดคล้องเป็นไปตามที่หลายโบรกเกอร์คาดไว้ ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ไม่ค่อยขยับตัวขึ้นมากนัก  ยกเว้น DELTA มีแรงเก็งกำไรเข้ามาบ้างแม้ราคาค่อนข้างตึงตัวแล้ว และ CENTEL รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ มีแรงเก็งกำไรสลับเข้ามา ส่วน COM7ยังมีแรงกดดันเฉพาะตัวจากตลาดคาดผลประกอบการไตรมาส 4ปี2565 เทียบไตรมาสก่อนหน้า ยังทรงตัว เช่นเดียวกับ RATCH ที่เป็นหุ้นดีเฟนซีฟราคาจึงทรงตัว

ส่วนแนวโน้มราคาหุ้นเข้าใหม่ใน SET 50  ทั้ง 4ตัวนั้นมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง จากการที่กองทุน ActiveFund ที่เป็นการบริหารแบบเชิงรุก จะต้องเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มนี้เข้าพอร์ตแน่นอน โดยเฉพาะ DELTA เพราะที่ผ่านมาหุ้นในตลาดราคาไม่ค่อยขยับ

สำหรับคำแนะนำหุ้นดังกล่าวนั้น นักลงทุนต้องพิจารณาแนวโน้มผลประกอบการเป็นหลัก สำหรับ DELTA แนะซื้อเก็งกำไร แม้ราคาตึงตัวแล้ว จากราคาตลาดเฉลี่ย 550 บาทและปัจจุบันราคาหุ้นทะลุเป้าหมายที่ตลาดให้ไว้ที่ 700 บาท ไปแล้ว แต่ปัจจัยพื้นฐานยังดี ,COM7 แนะซื้อเก็งกำไร ราคาตลาดเฉลี่ย 40 บาท ปัจจัยพื้นฐานมีศักยภาพเติบโตทุกปีจากการขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรต่างๆ และแรงหนุนมาตรการกระตุ้นภาครัฐ หนุนกลับมาซื้อสินค้าไอทีและไอโฟน 

ส่วนCENTEL แนะซื้อเก็งกำไร ราคาตลาดเฉลี่ย 52 บาท  แม้ราคาตึงตัว แต่ยังมีโมเมนตัมการท่องเที่ยวและบริโภคในประเทศหนุนต่อ และ RATCH แนะ ซื้อเพื่อถือ แต่ไม่เหมาะเก็งกำไร แม้ราคาหุ้นไม่ค่อยขยับมากนัก แต่ปัจจัยพื้นฐานยังมีการเติบโตดีหลังมีดีลใหม่

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า  หุ้นที่เข้า SET 50 จะถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุน SET50 และ SET 100   (กองทุนรวม ActiveFund จำนวน 22 กองทุน) คาดเม็ดเงินเข้าซื้อหุ้น 

  • DELTA ราว 5,371ล้านบาท
  • RATCH  ราว 601ล้านบาท
  • COM7 ราว 503ล้านบาท
  • CENTEL ราว 426 ล้านบาท