Sideways Down ซื้อเก็งกำไร KTC JWD WHA

Sideways Down ซื้อเก็งกำไร KTC JWD WHA

คาดดัชนีฯ Sideways Down โดยมีแนวรับ 1,625/1,615 จุด แนวต้าน 1,640/1,650 จุด โมเมนตัมลบ มาจากผลประชุมเฟดวานนี้ มีการส่งสัญญาณปรับเพิ่มเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงขึ้น (Dot plot ปี 2023 ปรับเพิ่มเป็น 5.1% จากเดิม 4.6%)

และยังคงมุมมอง เงินเฟ้อมีโอกาสทรงตัวอยู่ในระดับสูง (ปรับประมาณการ PCE ปี 2022-23 สูงขึ้น) ส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดในแดนลบ ส่วนโมเมนตัมบวกมาจากแนวโน้มการลดขนาดของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสำคัญอื่น ๆ เช่น ECB และ BOJ หลังจากเฟดลดขนาดการขึ้นดอกเบี้ยจาก 0.75% เป็น 0.50% ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของเศรษฐกิจโลก ด้านสัญญาณทางเทคนิค ยังคงอยู่ในช่วงพักตัวบนแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวต้านที่ 1,640/1650 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร KTC JWD WHA

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC CK CENTEL BH BEM CPALL AOT EA PTG CPN MINT KTB TTB BDMS PLANB (ขาย EA)

+ Daily Recommendations: KTC (ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมีแนวโน้มสูงขึ้น ในช่วงเทศกาลปีใหม่) JWD (ปัจจัยบวกจากการควมรวมกิจการกับเอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ เพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจสู่การเป็นผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน) WHA (แนวโน้มกำไร 2022E ทำ All time high หลังยอดโอนที่ดินทะลุเป้าหมาย 1,650 ไร่ ประกอบกับธุรกิจโลจิสติกส์และยอดขายน้ำเติบโตแกร่ง)

+ หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ: ERW CENTEL AWC AOT AAV BA BAFS CPALL CRC SNNP

+ หุ้นที่อิงการ Rebalance รอบใหม่ของ FTSE มีผลต่อราคาปิดวันพรุ่งนี้: ประเทศไทยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น +0.06% (+USD61mn) โดยมีหุ้นเพิ่มเข้าคำนวณดัชนี FTSE Mid-Cap คือ TLI (+USD36mn) และ PLUS (Micro-Cap) ส่วนหุ้นที่เพิ่มน้ำหนัก BANPU (+USD26mn) MINT (+USD2mn)

+ หุ้นที่มีโอกาสเพิ่ม/ถอด จากการคำนวณดัชนี SET50 Index งวด 1H23: +DELTA RATCH COM7 CENTEL –BLA IRPC KCE SAWAD

 

 

 

ปัจจัยลบ

- US: Dot Plot ล่าสุดของเฟด สะท้อนมุมมองดอกเบี้ยนโยบายจะยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องไปจนถึง 5.0-5.25% รวมถึงมีการปรับประมาณการ PCE ปี 2023E สูงขึ้นจาก 2.80% เป็น 3.10% และปี 2024E จาก 2.30% เป็น 2.50%

 

ปัจจัยบวก

+ ECB/BOE Meeting: การประชุม ECB และ BOE ในคืนนี้มีแนวโน้มลดขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ยเหลือเพียง +0.5% เช่นเดียวกับเฟด เป็น 2.5% และ 3.5% ตามลำดับ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกระยะสั้นต่อตลาด หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อ EU และ UK เริ่มปรับตัวลดลง

 

ประเด็นสำคัญ

- Thailand: Opportunity Day: RCL CEYE NDR HFT RAM JDF FN

- UK: BOE Meeting คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เป็น 3.5% หลังสัญญาณเงินเฟ้ออาจผ่านจุดสูงสุดในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา

- ECB Meeting คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เป็น 2.5% พร้อมส่งสัญญาณทำ QT ในปี 2023E ปรับลดประมาณการ 2023E GDP และปรับเพิ่ม 2023E Inflation

- US: รายงานยอดค้าปลีกเดือน พ.ย. คาดเติบโตลดลง -0.1% MoM (Vs เดือน ต.ค. +1.3% MoM)

- China: ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนฯ ราคาบ้าน เดือน พ.ย. คาดชะลอตัว YoY

 

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกต่อเนื่อง: ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,628.17-1,638.88 จุด ก่อนอ่อนตัวในภาคบ่ายมาปิดที่ 1,633.36 จุด +7.45 จุด วอลุ่มซื้อขาย 5.7 หมื่นล้านบาท นำบวกโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +2.6% เงินทุนและหลักทรัพย์ +1.49% ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +1.18% วัสดุก่อสร้าง +1.16% หุ้นบวก >4% SGC AMATA THCOM TEGH SIAM CRANE SENAJ KAMART หุ้นลบ >4% ONEE STARK TEAM TSR TC

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ: DJIA -0.42% S&P500 -0.61% NASDAQ -0.76% เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าตลาดคาด ผ่าน Dot Plot ซึ่งคาดว่าดอกเบี้ยปี 2023E จะอยู่ที่ 5.10% จากเดิม 4.6% ฉุดหุ้น 10 จาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่คำนวณดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำลงโดยกลุ่ม Finance และกลุ่มเทคฯ ส่วนหุ้นยุโรปกลับมาปิดลบ CAC40 -0.21% DAX -0.26% FTSE -0.09% จากแรงขายก่อนรายงานผลการประชุม FOMC

+/- ราคาน้ำมันดิบปิดบวก แต่ทองคำปิดลบ: WTI +USD1.89 ปิดที่ USD77.28/บาร์เรล Brent +USD2.02 ปิดที่ USD82.70/บาร์เรล หลังจาก OPEC คาดอุปสงค์พลังงานโลกปี 2023E จะเติบโต 2.25 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 101.8 ล้านบาร์เรล/วัน รับอุปสงค์ฟื้นตัวในจีน สอดคล้องกับ IEA ซึ่งมองว่าอุปสงค์พลังงานของจีนจะฟื้นตัวในปี 2023E หนุนอุปสงค์น้ำมันโลกเติบโตที่ 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน เป็น 101.6 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนทองคำกลับมาปิดลบ -USD6.80 ปิดที่ USD1,818.70/ ออนซ์ จากแรงขายทำกำไรก่อนทราบผลประชุมเฟด

 

ประเด็นสำคัญ

+/- Thailand’s GDP: World Bank ปรับลดคาดการณ์เติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2022-23E เป็น 3.4% และ 3.6% ลดลงจากเดิม 0.7% จากการชะลอตัวของอุปสงค์โลก ที่เกิดขึ้นเร็วกว่าคาด ขณะที่หนี้สาธารณะได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วที่ระดับ 61.1% ต่อ GDP ในปีงบประมาณ 2022 ส่วน ADB ปรับเพิ่มปี 2022E เป็น 3.2% (เดิม 2.9%) และปรับลด 2023E เป็น 4% (เดิม 4.2%) เพราะยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน นโยบายควบคุม COVID-19 ของจีน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

+ China: Morgan Stanley ปรับเพิ่มคาดการณ์เติบโตเศรษฐกิจจีนปี 2023E เป็น 5.4% จากเดิม 5.0% โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจคาดว่าจะฟื้นตัวตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. 2023 เร็วกว่าเดิมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 2Q23E และปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นจีนเป็น Overweight จากเดิม Equal-Weight จากมุมมองการเปิดประเทศ นอกจากนี้ Morgan Stanley เผยว่าทางการจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิมเติม ด้วยมูลค่า USD143bn. เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม เซมิคอนดักเตอร์ (เป็นบวกต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไทย AOT CBG AAV SPA TKN KCE HANA DELTA)

+ UK: รายงานเงินเฟ้อเดือน พ.ย. ลดลงเหลือ +10.7% YoY หลังจากสร้างจุดสูงสุดรอบ 41 ปี ที่ 11.1% YoY ในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา และต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ +10.9% YoY ส่วนการเปลี่ยนแปลงรายเดือน เติบโต +0.4% MoM ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ +0.6% MoM และลดลงจาก 2% MoM ในเดือน ต.ค. โดยรับผลบวกจากราคาพลังงานที่ปรับลดลง

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: GULF MINT ERW

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: KTC JWD WHA

Derivatives: รอเปิด Long S50Z22 เมื่อทะลุ 990 เท่านั้น