ดาวโจนส์บวก 183 จุด หุ้นขึ้นยกแผง ก่อนประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

ดาวโจนส์บวก 183 จุด หุ้นขึ้นยกแผง ก่อนประชุมเฟดสัปดาห์หน้า

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(8ธ.ค.)ดีดตัวขึ้น 183 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมสัปดาห์หน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 183.56 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 33,781.48 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 29.59 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 3,963.51 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 123.45 จุด หรือ 1.13% ปิดที่ 11,082.00 จุด

หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวขึ้นในวันนี้ นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี

ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 13-14 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ รวมทั้งถ้อยแถลงของนายพาวเวล ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมรอบนี้ หลังจากปรับขึ้น 0.75% เป็นจำนวน 4 ครั้งติดต่อกัน ขณะที่นายพาวเวลส่งสัญญาณว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

นอกจากนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทะลุ 5.00% ในกลางปีหน้า หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดในช่วงที่ผ่านมายังคงไม่สามารถสกัดความร้อนแรงของตลาดแรงงาน ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้าเพื่อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงและสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่กรอบ 5.00-5.25% ในเดือนพ.ค.2566 หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ที่ระดับ 4.75-5.00%

อย่างไรก็ดี ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 2.00% ในปีหน้า หากสหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย

รายงานระบุว่า เฟดได้ประเมินความเสี่ยงของเงินเฟ้อต่ำเกินไปในปี 2565 ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยอมรับว่าเงินเฟ้อไม่ใช่ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวตามที่เฟดระบุก่อนหน้านี้ ทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ทำให้เฟดมีความเสี่ยงจากการที่เศรษฐกิจอาจเผชิญภาวะถดถอยในปี 2566 ขณะที่เฟดประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจต่ำเกินไปจากการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน

"แถลงการณ์ของ FOMC มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เน้นความจำเป็นในการขยายเวลาคุมเข้มนโยบายการเงิน ไปสู่ความจำเป็นในการจัดสรรสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจเพื่อหลีกเลี่ยงการทรุดตัวลงอย่างรุนแรง" รายงานระบุ

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 230,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 62,000 ราย สู่ระดับ 1.67 ล้านราย