เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวหรือที่ยัง Laggard โดยเฉพาะในกลุ่มเปิดเมือง

เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวหรือที่ยัง Laggard โดยเฉพาะในกลุ่มเปิดเมือง

สถานการณ์โควิดในจีนมีทั้งมุมลบและบวก การระบาดในจีนล่าสุดทำจุดสูงสุดใหม่ ผู้ติดเชื้อรายวันขึ้นไปเกิน 3 หมื่นราย โดยเมื่อ 23 พ.ย. 65 ตัวเลขขึ้นไปสูงสุดแตะ 55,616 ราย สูงเกือบ 2 เท่าของตัวเลขสูงสุดจากการระบาดรอบ เม.ย.65

ทั้งนี้การใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดด้วยนโยบายล็อคดาวน์หลายพื้นที่ยาวนาน สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน และเหตุการณ์ปะทุขึ้นหลังล่าสุดมีผู้เสียชีวิตในอาคารที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมเนื่องจากเหตุเพลิงไหม้ ทำให้ในสื่อโซเชียลมีรายงานข่าวการชุมนุมประท้วงมาตรการควบคุมในหลายพื้นที่ของประเทศจีน // สถานการณ์ดังกล่าวมีทั้งมุมลบและบวก ตัวเลขผู้ติดเชื้อและความไม่สงบที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดความระวังต่อน้ำมันดิบและอาจเกิดความต้องการเช้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยในระยะสั้น อย่างไรก็ตามในมุมบวก ทางการจีนเริ่มมีการปรับและผ่อนคลายการควบคุมในหลายพื้นที่ที่อาจจะเข้มงวดเกินไปเพื่อลดกระแสความไม่พอใจของประชาชน ซึ่งน่าจะมีส่วนต่อการเร่งกระบวนการเปิดเมืองในระยะถัดไป

คาดตลาดแกว่งตัวตามประเด็นที่เข้ามา โดยมีปัจจัยติดตามในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ได้แก่ 1) ตัวเลขส่งออกไทย 28 พ.ย. คาดส่งออก +5.5% และนำเข้า + 11% ขาดดุลการค้า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ 2) การปรับพอร์ตตาม MSCI 30 พ.ย. 3) การประชุมกนง. 30 พ.ย. ตลาดคาดอาจขึ้นดอกเบี้ย 0.25% 4) การประชุมโอเปค 1 ธ.ค. จับตาโอเปคจะยังคงลดกำลังการผลิตเพื่อประคองราคาน้ำมันหรือไม่? 5) การเริ่มใช้มาตรการคว่ำบาตรัสเซียรอบใหม่ 5 ธ.ค. ซึ่งรวมถึงการกำหนดเพดานราคาน้ำมันที่ขนส่งทางเรือ และห้ามบริษัทเดินเรือและประกันทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับน้ำมันที่ซื้อขายสูงกว่าเพดานราคา // ตลาดไม่มีปัจจัยผลักดันที่ชัดเจน ทำให้ประเด็นในประเทศอย่างการเสนอขายไฟพลังงานหมุนเวียน (ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติ 2 ธ.ค.65 และทำให้น่าจะเห็นว่าใครประมูลมาก/น้อยแค่ไหน) น่าจะเป็นประเด็นที่ตลาดน่าจะให้ความสนใจ รวมถึงคาดจะเห็นแรงทำกำไรสลับในกลุ่มที่ขึ้นไปมาก ไปยังหุ้นที่ยัง Laggard โดยเฉพาะในกลุ่มเปิดเมือง โดยมีหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ VRANDA, MAJOR, BCH
 

ประเด็นลงทุนที่น่าสนใจ 1) ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจและเปิดเมือง BBL, SCB, MINT, SPA, VRANDA, TNR, KISS, CPN, CRC, CPALL, MAKRO, MAJOR  2) การขายไฟพลังงานมทดแทน 5200MW GULF, GUNKUL, BCPG, SSP 3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด ADVANC, EGCO, RATCH 4) อสังหาริมทรัพย์ SPALI, AP, LH, ASW 5) หุ้นเข้า MSCI (มีผล 30 พ.ย.) BAM, ERW, JWD, NEX, RAM และหุ้นเข้า FTSE (มีผล 16 ธ.ค.) ได้แก่ TLI และ PLUS 6) มีโอกาสเข้า SET50 ได้แก่ DELTA, RATCH, COM7, CENTEL 7) หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ STP, TNR, DMT, TVDH

ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัว 1,614-1,635 กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ เน้นกลุ่มหุ้นเปิดเมือง และบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ กลุ่มที่ระยะสั้นมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นคือ 1. ไฟฟ้าและพลังงานทดแทนที่น่าจะเห็นการยื่นขายไฟชุดใหญ่สัปดาห์นี้ และ 2. กลุ่มธนาคาร จากคาดการณ์กนง. อาจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 30 พ.ย. 3. กลุ่มที่ยัง Laggard ในช่วงที่ผ่านมา //หุ้นแนะนำ: MAJOR*, VRANDA*, STP*, GUNKUL*

แนวรับ: 1,605-1,614 / แนวต้าน : 1,628-1,635 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%


 

ประเด็นการลงทุน

นายจ้างสหรัฐชะลอการจ้างงานก่อนเทศกาลชอปปิงวันหยุด – Indeed เว็บไซต์หางานระบุว่า นายจ้างในสหรัฐเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในช่วงวันหยุดในปีนี้น้อยลง 8.2% yoy แม้จำนวนการค้นหาตำแหน่งงานตามฤดูกาลจะเพิ่มขึ้น 33% yoy ระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 62

GfK ชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย - ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีปรับตัวขึ้นสู่ -40.2 ในช่วงเข้าสู่เดือนธ.ค. จาก -41.9 ในเดือนพ.ย. แต่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ -39.6

ททท. เล็งทบทวนเป้าหมายนักท่องเที่ยวในปท. หลังยอด 10 เดือนโตเกินเป้า – เดิมที่ตั้งเป้าคนไทยเที่ยวไทย ปี 2565 ไว้ 160 ล้านคน-ครั้ง โดยตั้งแต่ต้นปี 65 ถึงสิ้นเดือน ต.ค. 65 มีคนไทยเที่ยวไทยมากถึง 200 ล้านคน-ครั้งแล้ว ขณะที่ตัวเลขก่อนโควิดในปี 62 คนไทยเที่ยวไทยอยู่ที่ 222 ล้านคน-ครั้ง คาดว่าตัวเลขจะสูงกว่าช่วงก่อนโควิด ขณะที่รายได้ของตลาดไทยเที่ยวไทย คาดว่าจะแตะ 8 แสนลบ. จากเดิมตั้งไว้ 6.56 แสนลบ.

กพช.ไฟเขียวตรึงค่าไฟ ม.ค.-เม.ย.66 ช่วยกลุ่มเปราะบาง – โดยเฉพาะครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ไว้เท่าเดิม 3.78 บาทต่อหน่วย แม้อัตราคาไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย. 2566 จะปรับขึ้นเท่าไรก็ตาม และ กพช.ได้ขอความร่วมมือจาก บมจ. ปตท. (PTT) ให้พิจารณาจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อเดือน ระยะเวลา 4 เดือน (ตั้งแต่ ม.ค.-เม.ย. 66) เป็นปัจจัยลบต่อ PTT และการตัดสินใจตรึง Ft กระทบกับกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ต้องแบกต้นทุนค่าก๊าซ อาทิ BGRIM, GPSC 

Opportunity Day – 28 พ.ย. - CIVIL, BIZ, SENA, TRT, IIG, SABUY, PTT / 29 พ.ย. – GFPT, ITNS, MOONG, CNT, SC, PCC, WHA / 30 พ.ย. – HL, NCH, BYD, BGRIM, SGP, SAT, PDJ / 1 ธ.ค. LOXLEY, CPANEL, TTW, DEMCO, HARN, AIT, BCP / 2 ธ.ค. SENAJ, MEGA, APCO, DITTO, BAFS, SCN, DUSIT

ตลท.ให้ POLY ใช้เกณฑ์ Cash Balance – ตั้งแต่ 28 พ.ย.-16 ธ.ค.65

 

ประเด็นติดตาม: 29 พ.ย. - CB Consumer Confidence / 30 พ.ย. – TH Interest Rate Decision, EU CPI, US GDP Q3, JOLTs Job Openings, US Pending Home Sales, US Crude Oil Inventories / 1 ธ.ค. – US Core PCE Price Index, ISM Manufacturing PMI / 2 ธ.ค. – Nonfarm Payrolls, Unemployment Rate

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)