AAV ประมาณการ 3Q65F: คาดว่าจะยังคงขาดทุนหนัก

AAV ประมาณการ 3Q65F: คาดว่าจะยังคงขาดทุนหนัก

ประมาณการ 3Q65F, ปรับประมาณการปี 2565-2566F และปรับราคาเป้าหมาย

คาดว่าจะขาดทุนหนักใน 3Q65F

แม้การท่องเที่ยวจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เราคาดว่า AAV จะยังมีผลขาดทุนสุทธิถึงเกือบ 4.0 พันล้านบาทใน 3Q65 (จากขาดทุนสุทธิ 2.1 พันล้านบาทใน 3Q64 และ 4.7 พันล้านบาทใน 2Q65) หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากภาระเช่าซื้อ 2.15 พันล้านบาท บริษัทจะมีขาดทุนจากธุรกิจหลัก 1.85 พันล้านบาท (จากขาดทุนปกติ 2.09 พันล้านบาทใน 3Q64 และ 2.32 พันล้านบาทใน 2Q65) ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักของ AAV สะท้อนถึง i) ต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ ii) จำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่ออิงสถิติการดำเนินงานเบื้องต้นใน 3Q65 AAV มีผู้โดยสาร 2.75 ล้านคน (+3,353.7% YoY, +63.6% QoQ) และมีจำนวนเที่ยวบิน 17,269 เที่ยว (+2,142.7% YoY, +40.1% QoQ) โดย Load factor ของเครื่องบินที่มีการใช้งานอยู่ที่ 87% (+45ppts YoY, +16ppts QoQ) เราคาดว่ายอดขายใน 3Q65F จะอยู่ที่ 4.94 พันล้านบาท (+2,812.2% YoY, +83.8%QoQ) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ -30.0% จาก -970.5% ใน 3Q64 และ -85.3% ใน 2Q65

 

 

โมเมนตัมธุรกิจเป็นบวกมากขึ้นใน 4Q65

เรามองแนวโน้มของ AAV ใน 4Q65 เป็นบวก เนื่องจาก i) จำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ii) ต้นทุนเชื้อเพลิงลดลงมาจากที่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ US$166/barrel ในวันที่ 17 มิถุนายน (ปัจจุบันอยู่ที่ US$116/barrel) iii) คาดว่าไม่มีผลขาดทุนก้อนใหญ่จากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ US$ (เงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 2 บาท/US$ ต่อไตรมาสใน 2Q และ 3Q22) และ iv) จะได้อานิสงส์จากการถือหุ้น 100% ใน TAA เนื่องจากเป็นช่วงที่ธุรกิจพลิกฟื้น

 

ปรับประมาณการกำไรปี 2565-2566F

เมื่ออิงจากสถิติในงวด 9M65 เราได้ปรับลดสมมติฐานจำนวนผู้โดยสารปีนี้ลงเหลือ 10.0 ล้านคน (จากเดิม 12.3 ล้านคน) และคงเป้าจำนวนผู้โดยสารปีหน้าไว้ที่ 20.2 ล้านคน ทั้งนี้ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ค่าโดยสารเฉลี่ยจะขยับสูงขึ้น เราจึงยังคงสมมติฐานอัตราค่าโดยสารเฉลี่ยปี 2565-2566F เอาไว้เท่าเดิมที่ 1,300 บาท และ 1,400 บาท ตามลำดับ นอกจากนี้ เรายังปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565F ลงเหลือ -45.0% (จากเดิม -30.0%) แต่ปรับเพิ่มของปี 2566F ขึ้นเป็น 9.0% (จากเดิม 8.0%) เนื่องจากมีการรวมค่า fuel surcharge เข้าไว้ในค่าตั๋วโดยสาร นอกจากนี้ เรายังปรับลดสัดส่วน SG&A/ยอดขาย ปี 2566F ลงเหลือ 6.0% (จากเดิม 8.5%) เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการคุมค่าใช้จ่าย เราคาดว่า AAV
จะมีผลขาดทุนสุทธิ 1.25 หมื่นล้านบาทในปีนี้ (จากเดิมที่คาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 1.9 พันล้านบาท) เนื่องจากเรารวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากภาระเช่าซื้อเข้าไว้ในประมาณการด้วย และคาดว่าบริษัทจะพลิกเป็นกำไรสุทธิ 131 ล้านบาทในปี 2566F (จากเดิมคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 73 ล้านบาท)

 

 

 

 

Valuation & Action

เราคิดว่าราคาหุ้น AAV ในขณะนี้ค่อนข้างแพงแล้ว (P/BV ปี 2566F ที่ประมาณ 1.9x) ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ขาย โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 ใหม่ที่ 3.07 บาท (อิงจาก P/BV ที่ 1.8x, +2.0 S.D.) เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นในปี 2566F จากเดิมที่ 2.55 บาท (+1.5 S.D.)

 

Risks

ราคาเชื้อเพลิงสูงขึ้น, COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจถดถอย