เบทาโกร เด้ง 3.45% ลุ้นงบไตรมาส 3/65 โตแกร่ง ดันรายได้ทั้งปีพุ่ง

เบทาโกร เด้ง 3.45% ลุ้นงบไตรมาส 3/65 โตแกร่ง ดันรายได้ทั้งปีพุ่ง

ราคาหุ้น BTG ช่วงเช้าวันนี้ บวก 3.45% หรือ 1.25 บาท อยู่ที่ระดับ 37.50 บาท หลังจากราคาปิดเทรดวันแรกวานนี้ ลดลงกว่า 9% ปิดที่ 36.25 บาท ต่ำกว่าระดับราคาไอพีโอ 40 บาท คาดตลาดลุ้นงบไตรมาส 3 โต และแนวโน้มไตรมาส 4 ยังดีขึ้นต่อเนื่อง หนุนรายได้ทั้งปีนี้โต 25%

ความเคลื่อนไหว ราคาหุ้น บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ช่วงเช้าวันนี้ ( 3 พ.ย.) เวลา 10.50 น. อยู่ที่ระดับ 37.50 บาท ปรับตัวขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.45%  มีราคาสูงสุดที่ระดับ 37.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 36.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 571.48 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ราคาหุ้น BTG ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงเช้าวันนี้ หลังจากวานนี้ (2 พ.ย.) ปิดเทรดวันแรก ปรับตัวลดลงแรงกว่า 9% มาปิดที่ระดับ 36.25 บาท จากราคาไอพีโอ 40 บาท

ด้าน นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ BTG เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามทิศทางของราคาไก่ และหมูที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติงบไตรมาส 3 ในวันที่ 9 พฤศจิกายน นี้

ส่วนทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4 เชื่อว่าจะยังดีขึ้น และจะดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2566 จากการขายสินค้า และการให้บริการของทุกกลุ่มธุรกิจที่มีการขาย

 

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า เปิดเผยว่า รายงานงบไตรมาส 3 /2565 ในสัปดาห์หน้า อาจเป็นปัจจัยช่วยหนุนจากราคาหุ้น หลังราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวลงต่ำกว่า ระดับ IPO 

แนวโน้มผลการดำเนินงานของทั้งปี 2565 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยรายได้รวมจะเติบโต 25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 86,544.62 ล้านบาท สำหรับเงินจากการขายไอพีโอ จำนวน 20,000 ล้านบาท บริษัทวางแผนจะนำเงินไปใช้ใน 3 ส่วน ได้แก่

1.การลงทุนเพื่อการเข้าซื้อ และก่อสร้างฟาร์ม และโรงงานแห่งใหม่ประมาณ 8,000 ล้านบาท

2.การปรับโครงสร้างเงินทุนผ่านการชำระหนี้สินระยะสั้น หรือระยะยาวให้แก่สถาบันการเงินประมาณ 8,960–10,500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้หนี้สินต่อทุน หรือ D/E Ratio ลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.4 เท่า

3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานไม่เกิน 1,021 ล้านบาท

 

ส่วนโอกาสที่จะนำหุ้น Green Shoe หรือหุ้นส่วนเกิน จำนวน 65.2 ล้านหุ้น มาใช้เพื่อทำการรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้นนั้น ยังคงต้องรอจังหวะที่เหมาะสม และดูภาวะต่างๆ โดยรวมก่อน ซึ่งหากยังมีภาวะ Panic Sell อยู่ การนำ Green Shoe Option ออกมาใช้ก็จะไม่มีประโยชน์ จึงต้องรอให้ตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้น

 ทั้งนี้หลังเสนอขายหุ้น IPO จะนำเงินส่วนหนึ่งไปชำระคืนหนี้ ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน หรือ IPO จะนำเงินส่วนหนึ่งไปชำระคืนหนี้ ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน หรือ IBDE Ratio จะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 1.1 เท่า

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์