PCC เปิดเทรดวันแรก 4.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท เหนือราคาจอง 0.50%

PCC เปิดเทรดวันแรก 4.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท เหนือราคาจอง 0.50%

“พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น” เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรก (21 ต.ค.) เปิดเหนือราคาจองอยู่ที่ 4.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 0.50% จากราคาจองซื้อ IPO ที่ 4.00 บาท

บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (21 ต.ค.2565) เป็นวันแรกเปิดเหนือราคาจองอยู่ที่ 4.02 บาท เพิ่มขึ้น  0.02 บาท หรือ 0.50% จากราคาจองซื้อ IPO ที่ 4.00 บาท

ทั้งนี้ PCC ธุรกิจผลิต และจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจ่ายไฟฟ้า รวมถึงผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 21 ต.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,906.48 ล้านบาท

PCC ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นบริษัทอื่น (holding company) ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก คือ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจ่ายไฟฟ้า 2) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง และสายส่งไฟฟ้าแรงสูง รวมถึงผลิต และติดตั้งระบบควบคุม และ 3) ลงทุนในธุรกิจผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน

โดย PCC มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 1,226.62 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม  919.62 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก 307 ล้านหุ้น โดยเสนอต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้มีอุปการคุณ บุคคลที่มีความสัมพันธ์ และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท ในระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคม 2565 ในราคาหุ้นละ 4.00 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,228 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,906.48 ล้านบาท โดยมีธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัท หลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการ การจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า PCC มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจเกือบ 40 ปี และมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรตามแนวทางการเติบโตอย่างยั่งยืน การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงนับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ ซึ่ง PCC เล็งเห็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ด้วยระบบตลาดแบบดิจิทัลและแนวทาง Total Customer Solutions ทั้งนี้ PCC มีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ในการก่อสร้างศูนย์การขายและการตลาด ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

PCC มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองตามกฎหมายของแต่ละปี ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงไปจากอัตราที่กำหนดไว้ โดยขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน สถานะการเงิน แผนขยายงานในอนาคต และความเหมาะสมอื่นๆ ที่ทางคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควร

ทั้งนี้ บริษัทจะมีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ ครอบครัวสัมฤทธิ์ ถือหุ้น 20.14% ครอบครัวณัฐชยางกุล ถือหุ้น 12.62% ครอบครัวเสนีย์มโนมัย ถือหุ้น 7.27% ครอบครัวจุฬานุตรกุล ถือหุ้น 6.17% และครอบครัวลิขิตสินโสภณ ถือหุ้น 5.18%

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์