TOP - ยังมีอุปสรรครออยู่ข้างหน้า (17 ต.ค. 2565)

TOP - ยังมีอุปสรรครออยู่ข้างหน้า (17 ต.ค. 2565)

คาดขาดทุน 187 ล้านบาทใน 3Q (-0.09 บาท/หุ้น) จากขาดทุนสต็อกน้ำมัน GRM ลดลงอย่างมากแม้ว่าจะดีดตัวขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา คาด spread น้ำมันดีเซลจะลดลงเมื่อจีนส่งออกน้ำมันดีเซลมาเอเชียใน 4Q

และกลับมาเดินเครื่องโรงกลั่น 2.2 ล้าน  bpd หลังจากปิดซ่อมบำรุงในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อ GRM  ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำขาย และประเมินราคาเป้าหมายที่ 46 บาท

 

ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันฉุดผลประกอบการพลิกเป็นขาดทุนสุทธิใน 3Q

คาด Market GRM ลดลงเหลือ US$6.8 ฉุดจาก crack spread ลดลง และ crude premium เพิ่มขึ้น คาดอัตราการกลั่นจะลดลงเหลือ 105% TOP ใช้น้ำมันดิบจากตะวันออกกลางคิดเป็นสัดส่วน 88% เท่ากับใน 2Q คาดขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 9.5 พันลบ. (-US$10/bbl qoq) และคาดกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน 5.0 พันลบ. (ส่วนใหญ่มาจากน้ำมันเตาที่มีสัดส่วนกำมะถันสูง) ธุรกิจ Aromatics จะดีขึ้น qoq งจากต้นทุนน้ำมันเบนซินลดลง แต่ยังขาดทุน 420 ลบ. spread ของ PX จะเพิ่มขึ้นเป็น US$152 และคาด spread ของ BZ จะเพิ่มขึ้นเป็น US$ ทั้งนี้ GIM จากธุรกิจ Aromatics ยังติดลบที่ -US$0.3/bbl ขณะที่อัตราการเดินเครื่องผลิตน่าจะลดลงเหลือ 70% คาด spread ของธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นจะเพิ่มขึ้น US$190 qoq เป็น US$798/t ทำให้ GIM เพิ่มขึ้น US$1.6 และทำให้ market GIM รวมอยู่ที่ US$8.8/bbl กำไรจากการดำเนินงานของ TOP ก่อนหักภาษีใน 3Q จะอยู่ที่ 5.5 พันลบ. ขณะที่ค่าเงินอ่อนค่าจะทำให้บริษัทขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.8 ลบ. ดังนั้น จะขาดทุนสุทธิ 150 ลบ. จากที่มีมีกำไร 2.53 หมื่นล้านบาทใน 2Q

 

 

 

ปริมาณน้ำมันที่ป้องกันความเสี่ยงคงที่ ขณะที่ Market GRM ฟื้นตัว

TOP ป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเอาไว้ 25% ของปริมาณยอดขายใน 4Q ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำมันดีเซล และน้ำมันเดาที่มีสัดส่วนกำมะถันสูง โดย Market GRM ขยับเพิ่มขึ้นเนื่องจาก crack spread ของน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น (เป็น US$45 จาก US$35.2 ใน 3Q) และ crude premium ลดลง (เหลือ US$6.8 จาก US$10.5 ใน 3Q) แต่ crack spread ของน้ำมันเบนซินยังคงอ่อนแอ (อยู่ที่ US$2.4/bbl จาก US$13.2 ใน 3Q) ซึ่งชี้ว่าบริษัทอาจจะยังต้องบันทึกผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงบ้างใน 4Q ทั้งนี้ เราคาดว่า spread ของน้ำมันดีเซลจะลดลงเมื่อจีนเริ่มส่งออกน้ำมันดีเซลออกมายังตลาดเอเชียใน 4Q โดยเรามองว่ากำไรของ TOP ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยที่ยังไม่นิ่งในไตรมาสนี้

 

คงคำแนะนำ ขาย ราคาเป้าหมายที่ 46 บาท คาด GRM ยังเผชิญจะอุปสรรคอยู่

เราเชื่อว่าจีนจะส่งออกน้ำมันมาที่ตลาดเอเชีย ซึ่งจะกดให้ market GRM อยู่ที่ประมาณ US$5/bbl ในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ เรายังคาดว่าจะมีกำลังการกลั่นเพิ่มเข้ามาในตลาดอีก 2.2 ล้าน bpd หลังจากที่โรงกลั่นปิดซ่อมบำรุงไปในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะกดดันให้ GRM ลดลงไปอีก เรายังคงคำแนะนำขาย และประเมินราคาเป้าหมายที่ 46 บาท โดยอิงจาก PBV ปี FY23F ที่ 0.7x