บิตคอยน์ร่วง 0.75% เคลื่อนไหวที่ 19,032.5 ดอลล์ ตามวอลล์สตรีท

บิตคอยน์ร่วง 0.75% เคลื่อนไหวที่ 19,032.5 ดอลล์ ตามวอลล์สตรีท

บิตคอยน์ เทรดที่เว็บไซต์อินเวสต์ติง ดอท คอม เมื่อเวลา 05.08 น.ของวันนี้ (24ก.ย.)ร่วงลง 0.75% เคลื่อนไหวที่ 19,032.5 ดอลลาร์ โดยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทั้งนี้ บิตคอยน์เคยพุ่งขึ้นทะลุ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.2564 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 20,000 ดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.2565 ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุลจะฉุดสภาพคล่องในตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(23ก.ย.)ดิ่งลง 486 จุด ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเกินไปจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย  นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐหดตัวลงเป็นเดือนที่ 3

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 486.27 จุด หรือ 1.62% ปิดที่ 29,590.41 จุด

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 1.72%  ปิดที่ 3,693.23 จุด

ดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 1.8%  ปิดที่ 10,867.93 จุด

หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลงในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานตามการดิ่งลงของราคาน้ำมันในตลาด

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 2.4% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และขณะนี้ปรับตัวใกล้ระดับต่ำสุดในปีนี้ที่ทำไว้ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กร่วงลง 3% และ 3.3% ตามลำดับ

นายสตีฟ แฮงค์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้นส์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ 80% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากเฟดยังคงใช้มาตรการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ต่อไป

นายแฮงค์กล่าวว่า เฟดเป็นต้นเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาทะยานขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเต็มใจจ่ายมากขึ้นสำหรับการซื้อสินค้า

ส่วนผลการสำรวจของสำนักข่าวซีเอ็นบีซี พบว่า นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ 52% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า