แกว่งตัวผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ SCAP (15 ก.ย. 2565)

แกว่งตัวผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ SCAP (15 ก.ย. 2565)

วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงแรงในช่วงเปิดตลาด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากตัวเลข CPI สหรัฐ ออกมาสูงกว่าตลาดคาด อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายท้ายตลาด ดัชนีลดช่วงลบ จนเกือบเท่าราคาปิดเมื่อวานนี้ ซึ่งได้แรงหนุนจากหุ้น DELTA และหุ้นกลุ่มประกัน

ถือว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,656.58 จุด -4.51 จุด -0.27% มูลค่าการซื้อขาย 72,610 ลบ. ต่างชาติ -1,223.71 ลบ. TFEX -31,842 สัญญา ตราสารหนี้ +5,689.69 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด เพิ่มขึ้น 30.12 จุด หรือ + 0.10% โดยตลาดฟื้นตัวจากแรงช้อนซื้อหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 1,200 จุดในวันอังคาร และการชะลอตัวของดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐ
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ +1.3% ปิดที่ 88.48 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว
+ สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยลดลง 0.1%MoM ในเดือนส.ค. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวลง 0.4% ในเดือนก.ค.
+ จีนประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เมืองเฉิงตูมีผลตั้งแต่ 15 ก.ย. หลังเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ป่วยรายใหม่รักษาในรพ. 1,125 ราย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย รักษาหาย 1,024 ราย

 

ปัจจัยลบ

- ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า จีนและเจ้าหนี้รายอื่น ๆ มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการป้องกันปัญหาหนี้สินท่วมในตลาดเกิดใหม่ และปกป้องไม่ให้ประเทศที่มีรายได้น้อยล้มละลายจากภาวะหนี้สิน
- สหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 1.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
- ส.อ.ท.หวั่นน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจจะกระทบห่วงโซ่การผลิตฉุดส่งออก

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยนักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 36% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,650-1,660 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• โครงการคนละครึ่งเฟส 5 : TNP KK BJC MAKRO CBG OSP TKN ICHI SAPPE
• ผลประกอบการหุ้นกลุ่มโรงแรมเริ่มฟื้นตัว+ขยายวีซ่านักท่องเที่ยว : ERW CENTEL AWC
• วิกฤติพลังงานยุโรป+จีนเริ่มใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น : PRM VL BANPU LANNA AGE
• นายกฯ ออกเกณฑ์ให้ต่างชาติได้ BOI ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ : WHA AMATA ROJNA
• หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA COTTO DCC TASCO

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                                                         SCAP
                                                                   BFIT แปลงร่าง

•ชื่อเดิมคือ BFIT ดำเนินการคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจเงินทุนแล้วเสร็จเมื่อ 8 ก.ย. 65 เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) (SCAP) มีผลในการซื้อขาย 15 ก.ย. 65 มุ่งประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันภายใต้การกำกับของธปท.และธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อทุกประเภทโดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงและการประกอบอาชีพของลูกค้า อนาคตจะปล่อยสินเชื่อ จำนำทะเบียนรถ สินเชื่อจำนำบ้านและที่ดิน รวมถึงธุรกิจเงินสดทันใจที่ร่วมกับธนาคารออมสิน

•ในช่วง 1H65 BFIT มีกำไรสุทธิ 177 ล้านบาท ลดลง 67%YoY จากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ขณะที่ SCAP (ก่อนควบรวม) มีกำไรสุทธิ 311 ล้านบำท เพิ่มขึ้น 141%YoY ผู้บริหารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ระดับ 11,000 ล้านบาทและตั้งเป้ารักษาระดับ NPL รวมทั้งหมดไว้ไม่เกิน 2%

ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกจากการควบรวมที่คาดจะเกิด synergy ในการปล่อยสินเชื่อและฐานด้านเงินทุนที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท SAWAD จึงคาดว่าการควบรวมงบการเงินตั้งแต่เดือนก.ย.ที่เป็นช่วงปลาย Q3 จะช่วยชดเชยให้ผลประกอบการงวด 2H65 ของ SCAP หลังควบรวมสร้างการเติบโตของผลประกอบการได้ดี และช่วยเสริมกำลังให้กลุ่มธุรกิจภายใต้บริษัทแม่ SAWAD ได้เป็นอย่างดี แนะนำ ซื้อ

 

หุ้นมีข่าว

(+) ILINK ( Bloomberg Consensus 12.00 บาท) จ่อเซ็นงานสายเคเบิลใต้น้ำกาะเต่า 1.78 พันล้านบาท เดือนกันยายนนี้ ดันงานในมือทะลุ 2 พันล้านบาท ลุยประมูลงานสายเคเบิลใต้น้ำ เกาะสีชัง มูลค่า 900 ล้านบาท ปลายปีนี้ มั่นใจครึ่งปีหลังธุรกิจเติบโตดี คงเป้ารายได้รวมโต 8-10% พร้อมศึกษาขยายธุรกิจอีวี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PJW ( Bloomberg Consensus 6.70 บาท) ศึกษาโอกาสทำธุรกิจร่วมกับพาร์ตเนอร์ ด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่ม พร้อมปักเป้ายอดขายแตะ 5 พันล้านบาท ภายใน 3-5 ปี ส่งซิกผลงานครึ่งหลังปีสดใส หลังโควิด-19 คลายตัว เปิดประเทศหนุนกำลังซื้อและการบริโภคเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลบวกต่อกลุ่มแพ็กเกจจิ้ง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PTTGC (Bloomberg consensus 56.00 บาท) เปิดตัว ENVICCO โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง แห่งแรกในประเทศไทย และใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วยลดพลาสติกใช้แล้วในประเทศได้ถึง 60,000 ตันต่อปี ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก 75,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เทียบเท่าการปลูกป่าประมาณ 78,000 ไร่ หรือปลูกต้นไม้ใหญ่มากกว่า 8 ล้านต้น (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ACE (Bloomberg consensus 4.14 บาท) ชูโปรเจ็กต์รอเซ็น PPA จำนวนมาก เดินหน้าเจรจาโรงไฟฟ้าขยะ ขณะที่โรงไฟฟ้าชุมชน รอไม่เกิน 2-3 เดือน เดินหน้าลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนต่อเนื่อง จ่อเข้าประมูลโครงการ โซลาร์, โซลาร์+แบต พร้อมพลังงานลม มองโอกาส M&A ต่อยอดเติบโต ศึกษาตลาดคาร์บอน มั่นใจงบครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)