รถยนต์ NFT แพงกว่าราคาจริงในตลาดถึง 18 เท่า

รถยนต์ NFT แพงกว่าราคาจริงในตลาดถึง 18 เท่า

ผู้ผลิตและผู้ที่ชื่นชอบยานยนต์กำลังมีส่วนร่วมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ใน NFTs (Non-fungible tokens) ซึ่งสร้างยอดขายได้หลายล้านปอนด์ โดยพื้นฐานแล้ว NFT เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะหรือจำกัดซึ่งมีการขายและแลกเปลี่ยน และสามารถเป็นรูปภาพ วิดีโอ คลิปเสียง

อุตสาหกรรมยานยนต์ได้ทดลองใช้ NFT ระยะสั้นแล้ว แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เช่นค่ายรถ Chevy เสนอขาย NFT ที่มาพร้อมกับ Corvette Z06 ฟรี (ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่สร้างขึ้น) ด้าน Alfa Romeo ค่ายรถยนต์จากอิตาลี ได้ลองใช้แอปพลิเคชันโดยใช้ NFT และบล็อกเชนเพื่อติดตามบันทึกการบริการบน Tonel SUV รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นงานที่ซับซ้อน

แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว NFT จะถูกนำมาใช้เพื่อเป็นเจ้าของงานศิลปะดิจิทัล แต่ก็จะถูกนำมาใช้ในโลกสเหมือนหรือ Metaverse ด้วย ผู้ใช้โลก 3 มิติแบบดิจิทัลสามารถเข้าถึงด้วยชุดหูฟังเสมือนจริง ตัวอย่างเช่น สามารถใช้ NFT เพื่อระบุว่ามีใครเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เสมือนจริง หรือผลิตภัณฑ์เสมือนจริง เช่น รถยนต์

 

รถยนต์ NFT แพงกว่าราคาจริงในตลาดถึง 18 เท่า

NFT รถยนต์ที่แพงที่สุด มีมูลค่า 6,213,156 ปอนด์ คือ Car Man Logo Art NFT และเป็น NFT ที่แพงที่สุดในโลก

Nissan GT-R NFT แพงกว่าของจริง 18 เท่า ภาพเรนเดอร์ 3 มิติของรถสปอร์ต Nissan GT-R ถูกขายไปในราคา 1,919,123 ปอนด์ หรือ 18 เท่าของราคารถจริงที่ 105,385 ปอนด์ 

DeLorean DMC-12 NFT ราคา 151,095 ปอนด์ จากราคาเฉลี่ยของ DeLorean DMC-12 มาตรฐานคือ 41,169 ปอนด์ แต่คู่ NFT มีราคาอยู่ที่ 151,095 ปอนด์ ซึ่งมากกว่าราคา 3 เท่า DeLorean 

ตลาด NFT มีความผันผวนมากกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์

แม้ว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นในอนาคต แต่นั้นมีความผันผวนแต่รายงานในเดือนก.ค. 2565 พบว่า ยอดขายNFT ได้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 เดือน ลดลงมากกว่าครึ่ง จาก 47.8 พันล้านปอนด์ในวันที่ 1 พ.ค.2564 เป็น 22.8 พันล้านปอนด์ 25 พ.ค.2565

นอกจากนี้ เนื่องจาก NFT แต่ละอันมีเอกลักษณ์เฉพาะ การซื้อขายจึงยากกว่าสกุลเงินดิจิทัล ตามรายงานของ Chainalysis 2021 NFT Market Report มีเพียง 44% ของการซื้อขาย NFT ที่ทำเงิน รวมถึงเพียง 29% ของ NFT ที่เพิ่งสร้างใหม่

การซื้อ NFT หนึ่งเครื่องจะปล่อยคาร์บอน 211 กก. เหมือนกับการขับรถ 621 ไมล์ในรถยนต์

การวิจัยพบว่า ธุรกรรม NFT เดียวมีค่าเฉลี่ยรอยเท้าของ CO2 48 กก. ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 211 กก. สำหรับการเป็นเจ้าของ NFT ซึ่งหมายถึงการเผยแพร่โทเคนของคุณบนบล็อกเชนเพื่อให้สามารถซื้อได้ จากการวิจัยของเรา คาดว่าปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนจะเท่ากับการขับรถ 621 ไมล์ในรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน หรือปริมาณการใช้ไฟฟ้าของผู้อยู่อาศัยในสหภาพยุโรปเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม และการปล่อยมลพิษในการจัดเก็บและการถือครอง NFT ในแต่ละวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าของสะสมดิจิทัลเกี่ยวกับรถยนต์ไม่เพียงแต่มีราคาแพงกว่ารถยนต์ในโลกแห่งความเป็นจริงเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย