โลกเผชิญ ‘ลานีญา’ ไม่รุนแรง ถึงต้นปีหน้า ‘อาเซียน’ เจอฝนตกอีก

โลกเผชิญ ‘ลานีญา’ ไม่รุนแรง ถึงต้นปีหน้า ‘อาเซียน’ เจอฝนตกอีก

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) คาดการณ์ว่าปรากฏการณ์ลานีญาอ่อน ๆ จะส่งผลกระทบต่อรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลกในช่วงสามเดือนข้างหน้า

KEY

POINTS

  • องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) คาดการณ์ว่าโลกจะเผชิญปรากฏการณ์ลานีญาระดับไม่รุนแรง ซึ่งจะคงอยู่ไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า
  • ปรากฏการณ์ลานีญาจะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และบางส่วนของออสเตรเลีย
  • แม้ลานีญาจะทำให้อุณหภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิกเย็นลงชั่วคราว แต่หลายภูมิภาคทั่วโลกจะยังคงเผชิญกับสภาพอากาศที่อุ่นกว่าปกติ
  • ลานีญาเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดน้ำท่วมและภัยแล้งรุนแรงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร

ตามข้อมูลจากรายงานการอัปเดตสภาพภูมิอากาศตามฤดูกาลทั่วโลก (GSCU) ของ องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) สำหรับช่วงเดือนธันวาคม 2025 ถึงกุมภาพันธ์ 2026 คาดว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าปรกติในพื้นที่ส่วนใหญ่ของซีกโลกเหนือ และส่วนใหญ่ของซีกโลกใต้ ในขณะเดียวกันคาดว่าปริมาณน้ำฝนเท่ากับตอนเกิดปรากฏการณ์ลานีญาอ่อน ๆ

แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว “ลานีญา” ทำให้อุณหภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตะวันออกจะเย็นลงชั่วคราว แต่ WMO เตือนว่าหลายภูมิภาคทั่วโลกจะประสบกับสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าปรกติ การเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่มโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมและภัยแล้งรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อพืชผลทางการเกษตร

ปรากฏการณ์ลานีญา” เกิดขึ้นเมื่อบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางเย็นลงตั้งแต่ 0.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับปรกติ โดยองค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ประกาศในเดือนตุลาคมว่าสภาวะลานีญาได้ก่อตัวขึ้นแล้ว

WMO ประเมินว่ามีโอกาส 55% ที่ลานีญาระดับอ่อน ๆ จะคงอยู่ตั้งแต่เดือนนี้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2026 และคาดว่ามีโอกาส 65-75% ที่จะกลับสู่สภาวะปรกติในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม หรือกุมภาพันธ์ถึงเมษายนในปี 2026

ลานีญาจะทำให้เกิดฝนตกหนักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บางส่วนของออสเตรเลีย สหรัฐ อเมริกากลาง อเมริกาใต้ตอนเหนือ และแอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดภัยแล้งในตะวันออกกลาง อาร์เจนตินาตะวันออก จีนตะวันออก เกาหลี และญี่ปุ่นตอนใต้ 

ทั้งนี้ หน่วยงานด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติกล่าวว่า ไม่น่าจะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ก่อให้เกิดพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิก และเพิ่มปริมาณน้ำฝนและความเสี่ยงต่ออุทกภัยในบางส่วนของทวีปอเมริกาและที่อื่น ๆ

เพื่อให้ภาพรวมสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมมากขึ้น องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ออกรายงานการอัปเดตสภาพภูมิอากาศตามฤดูกาลทั่วโลก (GSCU) เป็นประจำ โดยคำนึงถึงอิทธิพลของรูปแบบความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่สำคัญ เช่น ความผันผวนแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic oscillation: NAO) ความผันผวนอาร์กติก (Arctic oscillation: AO) และปรากฏการณ์ไดโพลของมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Dipole: IOD) พร้อมยังติดตามความผิดปรกติของอุณหภูมิพื้นผิวและปริมาณน้ำฝนทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์เหล่านี้ในฤดูกาลที่จะมาถึง

“การพยากรณ์ตามฤดูกาลสำหรับเอลนีโญและลานีญาเป็นเครื่องมือวางแผนที่สำคัญสำหรับภาคส่วนที่อ่อนไหวต่อสภาพภูมิอากาศ เช่น เกษตรกรรม พลังงาน สุขภาพ และการขนส่ง ข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศนี้ช่วยให้เราหลีกเลี่ยงความสูญเสียทางเศรษฐกิจหลายล้านดอลลาร์และช่วยชีวิตผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน” เซเลสเต ซาอูโล เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) กล่าว

ปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ลานีญาและเอลนีโญ เริ่มรุนแรงขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ ซึ่งกำลังเพิ่มอุณหภูมิโลกในระยะยาว ทำให้เหตุการณ์สภาพอากาศและสภาพภูมิอากาศสุดขั้วรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อรูปแบบปริมาณน้ำฝนและอุณหภูมิตามฤดูกาล


ที่มา: ReutersThe GuardianWMOXinhua