‘กวินทร์’ชู‘กรีนคอมมิวนิตี้มอลล์’ยั่งยืนและเป็นมิตรกับชุมชน

'อัลไล รีท' ชี้มาตรฐาน ESG สำหรับธุรกิจอสังหาเป็นความจำเป็นไม่ใช่ทางเลือก ส่งเสริมการพัฒนาโครงการสู่ “กรีนคอมมิวนิตี้มอลล์” ที่ทั้งยั่งยืนและเป็นมิตรกับชุมชน
KEY
POINTS
- อัลไล รีท ตั้งเป้าพัฒนาโครงการสู่ “กรีนคอมมิวนิตี้มอลล์” เพื่อสร้างความแตกต่าง โดยเน้นความยั่งยืนและการเป็นมิตรกับชุมชน
- ยึดหลักการ “สาม P” ในการดำเนินงาน คือ People (สนับสนุนชุมชนและ SME), Planet (เพิ่มพื้นที่สีเขียวและใช้พลังงานแสงอาทิตย์), และ Profit (สร้างผลกำไรที่เติบโตไปพร้อมกับผู้เช่า)
- มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน จัดตลาดชุมชนให้ผู้ค้าขายฟรี และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนในชุมชนเข้ามาใช้ประโยชน์
- มองว่ามาตรฐาน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) จะเป็นสิ่งที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ “ต้องมี” ในอนาคต ไม่ใช่แค่ทางเลือก
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด กล่าวในงาน Sustainability Forum 2026 ในหัวข้อ “Finance & Investment for Sustainability” ว่า อัลไล รีท ตั้งเป้าหมายการพัฒนาพอร์ตอสังหาสู่ “กรีนคอมมิวนิตี้มอลล์” ในการสร้างความแตกต่างให้กับกองทุน ผ่านการเน้นย้ำความสำคัญของความยั่งยืน (Sustainability) รวมถึงให้คำปรึกษาและเพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อจะเป็น “เพื่อนคู่คิดที่เป็นมิตรกับชุมชน”
อัลไล รีท เป็นกองทุนเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น ในธุรกิจศูนย์การค้าชุมชน (community mall) ซึ่งมีอยู่ราวสิบแปดแห่งในจังหวัดกรุงเทพ และหลายแห่งในเชียงใหม่ รวมถึงโครงการแบบผสมผสานที่ผนวกเอาอาคารที่อยู่อาศัยเข้ากับอาคารแบบพาณิชยกรรม หรือโครงการมิกซ์ยูส (mixed-use) โดยไม่เพียงมุ่งเน้นให้บริการลูกค้าที่มาจับจ่ายใช้สอย หรือมาเพื่อทานอาหารในร้านอาหารเท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่สำหรับผ่อนคลาย โครงการก็มีพื้นที่สีเขียวรองรับ
นอกจากนี้ นายกวินทร์ ยังกล่าวอีกว่า เรื่องของความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ อัลไล รีท ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกมีความท้าทาย โดยเฉพาะจากผลกระทบของภัยธรรมชาติที่มนุษย์มีส่วนทำให้เกิด ทั้งนี้ อัลไล รีท ให้ความสำคัญกับหลัก “สาม P” อันประกอบไปด้วย
1) People หรือ การให้ความสำคัญกับผู้คนและชุมชน ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการในชุมชนให้สามารถค้าขายได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอีในชุมชนมีการเติบโต
2) Planet หรือ การให้ความสำคัญกับโลกและสิ่งแวดล้อม โดยจะมีการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้ลูกค้าอยากมาใช้บริการ รวมถึงสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า
3) Profit หรือ ผลกำไร หากผู้เช่าขายสินค้าได้ดี กองทุนก็จะมีผลตอบแทนมากขึ้น
ไม่เพียงแต่โครงการต่าง ๆ จะต้องเพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชนและช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของผู้ประกอบการเติบโตในแง่ของยอดขายเท่านั้น แต่จะต้องพิจารณาไปถึงการแบ่งปันข้อมูลเพื่อที่จะช่วยวางแผนการตลาดและช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีในชุมชนเติบโต
ในด้านพลังงาน โครงการคอมมิวนิตี้มอลล์ที่ อัลไล รีท เข้าไปลงทุน จะมีการติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดยในโครงการอย่าง “เดอะคริสตอลเอกมัย-รามอินทรา” ที่เป็นโครงการระดับพรีเมี่ยมในแถบเรียบด่วน ก็ได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟ ทำให้ในปัจจุบันเกือบ30%ของพลังงานที่ใช้ มาจากแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์
มากไปกว่านั้น พื้นที่แต่ละโครงการยังมีความสัมพันธ์กับชุมชนโดยรอบ โดยมีสัดส่วนของพื้นที่ภายนอกอาคาร ที่เป็นพื้นที่สีเขียว ให้ทุกคนในชุมชนสามารถมาใช้งาน หรือมาพักผ่อนได้ตลอดเจ็ดวันต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานประกวด งานทำบุญ รวมถึงจัดอีเวนต์ตลาดชุมชน เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าในชุมชนได้มีโอกาสมาขายของได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ในแต่ละโครงการจะต้องมีการพิจารณาปรับปรุงพื้นที่ เพื่อจะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เช่น พื้นที่นั้นมีความสะดวกสบายเข้าถึงได้ง่ายหรือไม่ จอดรถได้ หรือลูกค้าสามารถเดินได้ไม่หลงทางแม้มาครั้งแรก อีกทั้งยังพิจารณาในฝั่งของผู้เช่าว่า มีแบรนด์ที่น่าสนใจ หรือมีสินค้าที่มีความแตกต่างและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีหรือไม่
นอกจากการปรับปรุงสถานที่ให้มีความสะดวกสบายทันสมัยตลอดเวลา การส่งเสริมธุรกิจที่มีความยั่งยืนและมีพื้นที่สีเขียวจะสร้างความแตกต่างให้กับพอร์ตของ อัลไล รีท อย่างมาก
“ต่อจากนี้มาตรฐานอีเอสจีสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะไม่ใช่เพียงสิ่งที่ควรมี แต่เป็นสิ่งที่จะต้องมี” นายกวินทร์ กล่าว







