'พลิกเกมภูมิอากาศ' การลงมือทำที่ขับเคลื่อนโดยพลังมวลชน สู่การเปลี่ยนแปลง 'เมืองอย่างยั่งยืน'

'พลิกเกมภูมิอากาศ' การลงมือทำที่ขับเคลื่อนโดยพลังมวลชน สู่การเปลี่ยนแปลง 'เมืองอย่างยั่งยืน'

ในจังหวะชีวิตที่เร่งรีบของเมืองหลวง บางครั้งปัญหาใหญ่อย่าง "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่  ใจกลางมหานครแห่งนี้ "Bangkok Climate Action Week" (BKKCAW)

KEY

POINTS

  • จัดกิจกรรม Bangkok Climate Action Week (BKKCAW) เพื่อเปลี่ยนมุมมองให้ปัญหาภูมิอากาศเป็นภารกิจร่วมกันของทุกคน และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงโดยพลังของภาคประชาชน
  • กรุงเทพมหานครตั้งเป้าหมายก้าวสู่การเป็น 1 ใน 50 เมืองน่าอยู่ของโลก ผ่านแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
  • การขับเคลื่อนสู่เมืองยั่งยืนเน้นการระดมทรัพยากรและความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายกว่า 60 แห่ง แทนการพึ่งพางบประมาณภาครัฐ เพื่อสร้างกระบวนการที่ยั่งยืนและสร้างความไว้วางใจ

ในจังหวะชีวิตที่เร่งรีบของเมืองหลวง บางครั้งปัญหาใหญ่อย่าง "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่  ใจกลางมหานครแห่งนี้ "Bangkok Climate Action Week" (BKKCAW) ได้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อทำลายกำแพงเปลี่ยนมโนทัศน์ให้เห็นว่า การลงมือทำเพื่อโลก ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นภารกิจร่วมกันของทุกคน และที่สำคัญ กรุงเทพมหานครกำลังเดินหน้าสู่เป้าหมายสำคัญในการยกระดับเมืองให้เป็น "เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน" โดยเน้นการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถไว้ ซึ่งจะนำมาซึ่งนวัตกรรม

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า แม้ปัจจุบันกรุงเทพฯ จะเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก แต่กลับยังอยู่ในอันดับที่ 98 ของดัชนีชี้วัดเมืองน่าอยู่ของ EIU (Economist Intelligence Unit) ดังนั้น เป้าหมายหลักคือการผลักดันอันดับให้ก้าวขึ้นไปสู่ 1 ใน 50 เมืองน่าอยู่ของโลก โดยได้มีการยกตัวอย่างเมืองอย่างโคเปนเฮเกน ซึ่งเคยเผชิญกับมลพิษสูง แต่สามารถพัฒนาจนกลายเป็นหนึ่งในเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกได้

 

เป้าหมายและการขับเคลื่อนกรุงเทพฯ สู่การเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน

เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ "เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน" ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม โดยประกอบด้วย

9 นโยบายหลัก และ 226 แผนปฏิบัติการย่อย เพื่อให้เป้าหมายที่ตั้งไว้เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่แค่คำขวัญ หลักการบริหาร "Tight-Loose-Tight" เพื่อแก้ไขความเชื่องช้าของระบบราชการ

  • Tight (ตึง): กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น ต้องปลูกต้นไม้กี่ต้น หรือการปรับปรุงทางเท้ากี่เมตร
  • Loose (หย่อน): ให้อิสระแก่หน่วยงานในการเลือกวิธีการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย
  • Tight (ตึง): กลับมาตรวจสอบและประเมินผลอย่างเข้มข้นว่าทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่

การพัฒนากรุงเทพฯ ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกันทุกมิติ โดยใช้แนวคิด Smart City ที่นำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ควบคู่ไปกับ Livable City เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ทุกคนอยากอยู่อาศัย

แก่นแท้แห่งความยั่งยืน  งบประมาณคือของคนในอนาคต

หัวใจของกรุงเทพเพื่อเมืองยั่งยืนในกิจจกรรมของ  BKKCAW คือการตอกย้ำหลักการความยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดการที่ไม่พึ่งพางบประมาณภาครัฐ แต่ใช้การ ระดมทรัพยากร ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภาครัฐให้การสนับสนุนด้วยสิ่งที่มี เช่น สถานที่ บุคลากร และเครือข่าย ขณะที่ภาคีเครือข่ายกว่า 60 แห่ง มอบพื้นที่ให้ใช้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นี่คือการแสดงให้เห็นว่า ความยั่งยืนต้องเริ่มต้นจากกระบวนการที่ยั่งยืนด้วยตนเอง และความมุ่งมั่นที่จะเป็น Net Zero Festival โดยการชดเชยคาร์บอน สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อโลกอย่างสูงสุด 

การซอยเป้าหมาย  เชื่อมโยงชีวิตประจำวันกับการแก้ปัญหาโลก

การ "ปรับเปลี่ยนมุมมองและความเชื่อ" (Shift the Narrative) จากการมองว่า Climate Change เป็นปัญหาซับซ้อนที่ต้องรอผู้เชี่ยวชาญหรือเงินจากต่างประเทศ มาเป็นการเห็นว่า นี่คือ "คำเชิญชวน" ให้ทุกคนมาออกแบบ "ชีวิตที่ดีและเป็นธรรม" (Good Life) ร่วมกัน

กิจกรรมต่าง ๆ จึงทำหน้าที่ "ซอยเป้าหมาย" ให้เล็กลง เพื่อกระตุ้นให้คนที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าพวกเขามีพลังในการเปลี่ยนแปลงได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเวิร์กช็อปเรื่องการแยกขยะ การใช้จักรยาน หรือการเรียนรู้โซลูชันด้านอาหารยั่งยืน ซึ่งช่วย "กระตุ้นผู้ที่ห่วงแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร" ให้กลายมาเป็นผู้ลงมือทำ

การร้อยเรียง "ชุมชน" และ "Synergy"

BKKCAW เป็นดังห้องทดลองทางสังคมที่ช่วย "เชื่อมโยงผู้ลงมือทำ" ที่กระจัดกระจายให้มาพบปะ แลกเปลี่ยน และสร้าง พลังเสริม (Synergy) ในกระบวนการคัดเลือกและจัดกลุ่ม (Curation and Clustering) ข้อเสนอของกิจกรรมที่คล้ายกันถูกนำมารวมกัน เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีพลัง (Cohesion) นี่คือการสร้าง "กล้ามเนื้อ" ให้สังคมสามารถดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศได้อย่างต่อเนื่องและเข้มแข็ง

นอกจากนี้ เทศกาลยังได้ทำหน้าที่ "แสดงศักยภาพของโซลูชันท้องถิ่น" พิสูจน์ให้เห็นว่าเรามีองค์ความรู้และนวัตกรรมในประเทศที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ทันที เช่น การใช้ วัด ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชน ให้กลายเป็นศูนย์รีไซเคิลและจัดการทรัพยากร

วิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่น สร้างความไว้วางใจเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

การเกิดขึ้นของเทศกาลที่เกิดจากความร่วมมืออย่างแท้จริงนี้ เป็นเครื่องมือสำคัญในการ "สร้างความไว้วางใจ" (Trust Building) ระหว่างภาครัฐกับประชาชน การลงมือทำที่เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่องนี้เอง จะช่วยปลดล็อกความไม่เชื่อมั่นในสังคม และสร้างความเชื่อมั่นว่า กทม. สามารถเดินหน้าตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ได้สำเร็จ

การสร้างเมืองอย่างยั่งยืนของกรุงเทพฯ คือ การลงทุนในความสามารถของสังคม คือความหวังที่ถูกเพาะปลูกอย่างเป็นระบบ และถูกวางแผนให้มีกิจกรรมประจำปี เพื่อขยายชุมชนผู้ลงมือทำ ให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่มีความพร้อมและความยืดหยุ่น (Resilience) พร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศ และร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีและเป็นธรรมต่อไป