สวนสามพราน ชู โมเดล 'เศรษฐกิจหมุนเวียน' แก้ขยะเศษอาหารยั่งยืน

จาก "ของเสีย" สู่ "ทรัพยากรทองคำ" โซลูชันการจัดการเศษอาหารแบบครบวงจร ที่ใช้เครื่องย่อยสลาย "ชูชก" เป็นเครื่องมือหลัก
KEY
POINTS
- นำเสนอนวัตกรรมเครื่องย่อยสลาย "ชูชก" ที่ใช้จุลินทรีย์เปลี่ยนขยะเศษอาหารให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อแก้ปัญหาต้นทุนการกำจัดขยะ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ใช้โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียนต้นแบบ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" โดยเชื่อมโยงโรงแรม เรือนจำ และฟาร์มเข้าด้วยกัน นำเศษอาหารไปเลี้ยงหนอนเพื่อเป็นอาหารไก่ และนำไข่ไก่กลับมาจำหน่ายให้โรงแรม
- โมเดลนี้สร้างประโยชน์ 3 ด้านให้ธุรกิจ คือ ลดต้นทุนกำจัดขยะ (คืนทุนเร็วไม่ถึง 1 ปี), ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง และสร้างคุณค่าด้านความยั่งยืน (ESG) ผ่านการลดก๊าซเรือนกระจก
พลิกวิกฤติเศษอาหาร ต้นทุนซ่อนเร้นที่ต้องเร่งแก้ไข
อรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนสามพราน จำกัด กล่าวในช่วงเสวนา ผู้ประกอบการเพื่อสังคมเพื่อความยั่งยืน ในงานสัมมนา SUSTAINABILITY FORUM 2026 Shift Forward: Overcoming Challenges จัดโดย 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า เศษอาหาร (Food Waste) ได้กลายเป็น "Pain Point" สำคัญของภาคธุรกิจ และสังคมไทย โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ ที่ค่ากำจัดขยะมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด เช่น ในกรุงเทพฯ ค่ากำจัดขยะอาหารอาจสูงถึง 8,000 บาทต่อคิว ขณะที่ในภูเก็ต โรงแรมบางแห่งต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายสูงถึง 30,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการฝังกลบ ซึ่งก่อให้เกิดมลภาวะทางกลิ่น และการปล่อยก๊าซมีเทน (ก๊าซเรือนกระจกสำคัญ) ยังเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้
ในขณะที่ขยะอาหารถูกฝังกลบอย่างสูญเปล่า ประเทศไทยกลับต้องพึ่งพาการนำเข้าปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการสูญเสียทั้งเงินตรา และโอกาสในการสร้างความยั่งยืนในระบบนิเวศ
“ชูชก” หัวใจของโซลูชัน ไม่ใช่แค่การขายเครื่องจักร
เพื่อตอบโจทย์วิกฤตินี้ แนวทางการแก้ไขจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจำหน่ายอุปกรณ์ แต่เป็นการนำเสนอ “Food Waste Solution” แบบครบวงจร โดยมี นวัตกรรมเครื่องย่อยสลาย "ชูชก" เป็นเทคโนโลยีหลักในการขับเคลื่อน
เครื่อง "ชูชก" อาศัยหลักการทางธรรมชาติ และจุลินทรีย์ที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการย่อยสลายเศษอาหารให้กลายเป็น "ปุ๋ยขั้นต้น" ภายใน 24 ชั่วโมง โดยสามารถรองรับเศษอาหารได้หลากหลายชนิด รวมถึงกระดูกชิ้นเล็กและเปลือกทุเรียน จากนั้นนำไปหมักต่อเพียง 1 สัปดาห์ จะได้เป็นปุ๋ยอินทรีย์เข้มข้นพร้อมใช้งาน
“เราไม่ได้ขายเครื่อง เรากำลังขาย Food Waste Solution” คือ แนวคิดหลักที่มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศการจัดการอย่างยั่งยืน โดยผลิตภัณฑ์ "ชูชก" มีหลายขนาดตั้งแต่ครัวเรือน (Chuchok Home 5 กิโลกรัม) ไปจนถึงระดับอุตสาหกรรม (50 กิโลกรัม)
ต้นแบบ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" วงจรเศรษฐกิจหมุนเวียนที่สร้างมูลค่า
กลยุทธ์สำคัญคือ การสร้าง "ต้นแบบการจัดการเชิงพื้นที่" (Area-Based Model) โดยมีโครงการนำร่องใน "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" เป็นกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จ โดยมีผู้ทำหน้าที่เป็น "System Enabler" หรือ "กระบวนการ" ในการเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลากหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน
ผู้มีส่วนร่วม และวงจรคุณค่า (The Journey of Food Waste)
- แหล่งกำเนิด: โรงแรม (เช่น เครือดุสิตธานี, บันยันทรี) คัดแยก และจัดการเศษอาหารด้วยเครื่องชูชก
- การสร้างมูลค่า: เศษอาหารถูกส่งไปยัง เรือนจำบางโจ เพื่อนำไปเลี้ยงหนอน (Maggots)
- ผลผลิตกลับคืนสู่ระบบ: หนอนถูกนำไปเป็นอาหารโปรตีนสูงสำหรับ ไก่ไข่ และ ไข่ไก่ ที่ได้จะถูกส่งกลับไปจำหน่ายให้กับโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ
โมเดลนี้ทำให้ "การเดินทางของเศษอาหาร" ซึ่งเคยเป็นพื้นที่สีเทา กลายเป็นเส้นทางที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสร้างมูลค่ากลับคืนมาอย่างเป็นรูปธรรม
3 คุณค่าหลัก ลดต้นทุนสู่ผลประโยชน์ด้าน ESG
โมเดลนี้มอบผลประโยชน์ที่ชัดเจนแก่ภาคธุรกิจ (โดยเฉพาะโรงแรม) ซึ่งเรียกว่า "3-Win Value Proposition"
- ลดต้นทุนกำจัดขยะ และคืนทุนเร็ว: สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะได้อย่างมหาศาล ทำให้การลงทุนซื้อเครื่องชูชกมี ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) ไม่ถึง 1 ปี
- ผลิตปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง: ผู้ประกอบการสามารถผลิตปุ๋ยใช้เองได้ฟรี ทดแทนปุ๋ยเคมี ลดการพึ่งพาการนำเข้าของประเทศ
- สร้างประโยชน์ด้าน ESG และคาร์บอนเครดิต: กระบวนการย่อยสลายแบบธรรมชาติที่ไม่ใช้ความร้อน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสามารถนำไปบันทึกใน รายงานด้านความยั่งยืน (ESG Report) ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ยกระดับสู่การขยายผล "Food Waste Journey Tour"
กลยุทธ์สำคัญในการขยายผลคือ การ "วัดผล" ความสำเร็จของต้นแบบอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการวัดผลลัพธ์ทั้งในด้านปริมาณเศษอาหารที่ลดลง มูลค่าเพิ่มที่สร้างขึ้น (ปุ๋ย, ไข่, ผัก) และระยะเวลาคืนทุน
เพื่อสร้างการรับรู้ และกระตุ้นการปรับใช้ในวงกว้าง จะมีการจัดกิจกรรม "Food Waste Journey Tour" ในการประชุมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) ที่ภูเก็ตในเดือนเม.ย. ปีหน้า เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน ได้เห็นเส้นทางของเศษอาหารที่เปลี่ยนจาก "ของเสีย" สู่การเป็น "ตัวเชื่อมสังคม" ที่สร้างประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







