สภาพภูมิอากาศไทยวิกฤติ พลิกโอกาสยกระดับเทคโนโลยี สู่นโยบายป้องกันประเทศ

สอวช. แนะไทยต้องขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเพื่อรับมือภูมิอากาศ ซีเมนส์ชี้ไทยเผชิญสัญญาณอันตราย คลื่นความร้อนแตะ 50°C และน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 300 ปี ทูตเยอรมนี ระบุ กฎหมายด้านความยั่งยืนของเยอรมนี–เป้าหมายลดคาร์บอน 65% ภายในปี 2045–เป็นต้นแบบให้ไทยประยุกต์ใช้
KEY
POINTS
- สอวช. แนะไทยต้องเลิกพึ่งแรงงานราคาถูก–ท่องเที่ยว หันมาขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเพื่อรับมือภูมิอากาศ
- ลงทุนงานวิจัยกว่า 20,000 ล้านบาท/ปี ด้านพลังงานสะอาด เกษตรยั่งยืน เศรษฐกิจหมุนเวียน และบริหารจัดการภัยพิบัติ
- ซีเมนส์ชี้ไทยเผชิญสัญญาณอันตราย คลื่นความร้อนแตะ 50°C และน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 300 ปี
- Digital Twin และ Green Digital Twin ช่วยโรงงานจำลอง–เรียนรู้–ลดคาร์บอนอัตโนมัติ รวมถึงห่วงโซ่อุปทาน (Scope 3)
- ทูตเยอรมนี ระบุ กฎหมายด้านความยั่งยืนของเยอรมนี–เป้าหมายลดคาร์บอน 65% ภายในปี 2045–เป็นต้นแบบให้ไทยประยุกต์ใช้
- ไทยต้องเร่งรับมือ CBAM ปี 2026 ซึ่งจะกระทบสินค้าส่งออก
สอวช.- ซีเมนส์-ทูตเยอรมนี แสดงความคิดเห็นบนเวทีสัมมนา “Sustainability Forum 2026” โดย “กรุงเทพธุรกิจ” กระตุ้นไทยรับมือภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง สร้างเศรษฐกิจผ่านนวัตกรรม แปรวิกฤติเป็นโอกาส ชู 4 แนวทางควิกวินภาคอุตสาหกรรมปรับใช้ แนะใช้กฎหมายด้านความยั่งยืนเยอรมนี เป็นแรงบันดาลใจไทยเปลี่ยนความเสี่ยงภูมิอากาศให้สามารถคาดการณ์ได้
ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยต้องเปลี่ยนจากการพึ่งพาค่าแรง และการท่องเที่ยว มาสู่เศรษฐกิจผ่านนวัตกรรม (Innovation Economic) โดยมีโจทย์เร่งด่วนคือ นวัตกรรมที่แก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดย สอวช. มุ่งเน้นการขับเคลื่อนใน 3 ประเด็นหลัก คือ การใช้เทคโนโลยี และงานวิจัยเป็นแกนหลักด้วยการสนับสนุนงานวิจัยกว่า 20,000 ล้านบาท/ปี ในด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน พลังงานสะอาด เกษตรยั่งยืน และการบริหารจัดการภัยพิบัติ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปรับตัวต่อสภาพอากาศ รวมถึงพัฒนากำลังคน และทักษะสีเขียว เนื่องจากประเทศขาดแคลน “ทักษะสีเขียว” ซึ่งสำคัญต่อเศรษฐกิจสีเขียว
ปรับหลักสูตรอุดมศึกษา
สอวช. จึงส่งเสริมสถาบันอุดมศึกษาให้ปรับหลักสูตร และร่วมกับภาคเอกชนเพิ่มทักษะกลุ่มวัยแรงงาน พร้อมรับรองหลักสูตรลดหย่อนภาษีได้ ตลอดจนยกระดับความร่วมมือ และมาตรฐานสากล เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาระดับโลก จึงต้องอาศัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการรายงานเป้าหมายระดับชาติ เช่น NDC และ Net Zero ให้สอดคล้องกับมาตรฐานนานาชาติ นอกจากนี้ สอวช. ยังเป็นหน่วยงานประสานงานกลางในการขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีภายใต้ UNFCCC
"การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศควรถูกมองเป็นโอกาสของประเทศ ในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน และใช้ AI เพื่อสร้างการปรับตัว โดยเฉพาะการเชื่อมโยงนวัตกรรมกับความเข้มแข็งเดิมในภาคเกษตรเพื่อผลิต ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืน (SAF)"
ปัจจุบัน สอวช. ใช้หลักการ Mission-Oriented Innovation Policy (MIT) ในการร่างแผน 5 ปี โดยกำหนดให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภารกิจแรกที่ต้องขับเคลื่อนเงินวิจัย และการพัฒนากำลังคนไปในทิศทางเดียวกัน และสนับสนุนการนำเทคโนโลยีไปใช้จริงในพื้นที่ เช่น โครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์
สัญญาณเตือนการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศชัดเจน
นายรอสส์ คอนลอน ประธาน และซีอีโอ ซีเมนส์ ประเทศไทย กล่าวว่า เทคโนโลยี Digital Twin จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันภาคอุตสาหกรรมสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ขณะที่ไทยกำลังเผชิญความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นทุกปี จึงต้องเร่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันควบคู่กับความยั่งยืน
โดยไทยเผชิญ “สัญญาณเตือน” ที่ชัดเจนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตั้งแต่คลื่นความร้อนแตะ 50 องศาเซลเซียส ไปจนถึงอุทกภัยครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 300 ปี สะท้อนถึงความจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และอุตสาหกรรมอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเมื่อภาคอุตสาหกรรมเป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 30% และใช้พลังงานมากถึง 38% ของโลก
สำหรับ Digital Twin เป็นแบบจำลองเสมือนของโรงงานหรือระบบพลังงานที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจำลอง ทดสอบ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานตั้งแต่ขั้นออกแบบ อีกทั้งเมื่อเชื่อมต่อกับข้อมูลจริง เทคโนโลยีนี้ยังสามารถเรียนรู้ และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ แบบอัตโนมัติได้ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ซีเมนส์ยังพัฒนาแนวคิด Green Digital Twin สำหรับติดตาม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดของหลายอุตสาหกรรม (Scope 3)
พร้อมเสนอ 4 แนวทาง “Quick Wins” ที่ภาคอุตสาหกรรมไทยสามารถเริ่มทำได้ทันที คือ
- ยกระดับการผลิตสู่ดิจิทัลด้วย Digital Twin, AI และการบูรณาการระบบ IT/OT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดการใช้พลังงาน
- ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circularity) ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ (รีไซเคิล) ได้สูงสุด ลดของเสีย และคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน
- เสริมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลผ่าน Digital Substations และระบบอัตโนมัติ รองรับการเติบโตของ Data Center ที่ต้องการพลังงานสะอาดและเสถียร
- ผสานโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะกับพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ (On-site) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นด้านพลังงาน และลดต้นทุนการดำเนินงาน
ยุทธศาสตร์ความยั่งยืน โอกาสสำคัญของไทย
ขณะที่ ดร.แอ็นสท์ ไรเชิล เอกอัครราชทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย เน้นย้ำความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของความยั่งยืน และบทบาทของเยอรมนีในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม โดยระบุว่า ความยั่งยืนเป็นโอกาสสำคัญของไทย โดยเฉพาะความร่วมมือเชิงลึกด้านพลังงานสะอาด เช่น ไฮโดรเจนสีเขียว และการปรับตัวตามกฎเกณฑ์สากล
“เยอรมนีได้ออกกฎหมายด้านความยั่งยืน และเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 65% ภายในปี 2045 ซึ่งสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ไทยนำมาปรับใช้ เพื่อเปลี่ยนความเสี่ยงด้านภูมิอากาศให้สามารถคาดการณ์ได้”
พร้อมระบุว่าการปรับตัวสู่มาตรฐานสากลเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะก่อนที่สหภาพยุโรปจะเริ่มใช้ CBAM (กลไกปรับตัวทางคาร์บอนข้ามพรมแดน) ในปี 2026 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทย
แต่หากไทยใช้ระบบการซื้อขายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) ภายใต้ร่าง พ.ร.บ. โลกร้อน จะช่วยลดผลกระทบจาก CBAM ได้
เอกอัครราชทูตเยอรมนี ยังนำเสนอสิ่งที่ควรเริ่มต้นดำเนินการทันที 5 ประการ เริ่มจากการวัดผล และจัดทำเอกสาร การปล่อยคาร์บอน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากนั้นต้องสร้างระบบ และความสามารถในการติดตามการใช้พลังงาน วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกระบวนการผลิตที่สะอาดขึ้น ตามด้วย การลงทุนในเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ และเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงาน ซึ่งจะให้ผลตอบแทนในระยะกลางถึงระยะยาว
ถัดมาเป็นการนำการรายงานความยั่งยืนที่ โปร่งใส และน่าเชื่อถือมาใช้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ และนักลงทุนชาวยุโรป และสุดท้ายคือ การสำรวจความเป็นไปได้ของการร่วมทุน และการเป็นพันธมิตรในการถ่ายโอนเทคโนโลยีสีเขียว และการเงิน
“ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ โอกาสสำคัญในการก้าวสู่เศรษฐกิจที่แข่งขันได้ และเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจให้กลายเป็นการลงมือทำทันที”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







