ดัชนี Climate Risk 2026 ไทยพุ่ง Top 17 โลก เสี่ยงอากาศสุดขั้ว เมียนมาหนัก อันดับ 9

ดัชนี Climate Risk 2026 ไทยพุ่ง Top 17 โลก เสี่ยงอากาศสุดขั้ว เมียนมาหนัก อันดับ 9

รายงานดัชนีความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ (CRI) ปี 2026 จัดอันดับให้ไทยมีความเสี่ยงจากสภาพอากาศสุดขั้วสูงเป็นอันดับที่ 17 ของโลก พุ่งขึ้นจากอันดับที่ 72 ในปี 2022

KEY

POINTS

  • รายงานดัชนีความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ (CRI) ปี 2026 จัดอันดับให้ไทยมีความเสี่ยงจากสภาพอากาศสุดขั้วสูงเป็นอันดับที่ 17 ของโลก พุ่งขึ้นจากอันดับที่ 72 ในปี 2022
  • ประเทศเมียนมาถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงจากสภาพอากาศรุนแรงสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก (ตลอดช่วงปี 1995–2024) รองจากโดมินิกา
  • อันดับที่สูงขึ้นของไทยสะท้อนความเปราะบางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวอย่างสำคัญคือเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่หาดใหญ่ ซึ่งมีปริมาณฝนตกหนักสุดในรอบ 300 ปี

‘กรุงเทพธุรกิจ’ สรุปรายงาน ดัชนีความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Risk Index: CRI) ประจำปี 2026 ที่เผยแพร่โดย Germanwatch ที่วิเคราะห์ผลกระทบของเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศต่อประเทศต่างๆ จากการวัดผลที่เกิดขึ้นจริงทั้งในแง่เศรษฐกิจและผลกระทบต่อมนุษย์ (เช่น ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ไร้ที่อยู่อาศัย) โดยใช้ข้อมูลจากปี 2024 และวิเคราะห์แนวโน้มย้อนหลัง 30 ปี (ค.ศ. 1995–2024)

รายงานฉบับล่าสุด ส่งสัญญาณเตือนแรงถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังพบว่า สถิติรายปีประเทศ ไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 17 ของโลก ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน ฟิลิปปินส์ เมียนมา และเวียดนาม ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับ 7, 9, และ 10 ของโลก ตามลำดับ

ภาพรวมความเสียหายทั่วโลก 3 ทศวรรษ

ผลการวิเคราะห์ของ CRI ชี้ให้เห็นว่า ในช่วงสามทศวรรษที่ครอบคลุม (ค.ศ. 1995–2024) ความถี่และความรุนแรงของพายุ น้ำท่วม คลื่นความร้อน และภัยแล้งได้ทวีความรุนแรงขึ้น ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์และระบบเศรษฐกิจ

ในช่วง 1995–2024 มีเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงมากกว่า 9,700 ครั้งเกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกมากกว่า 832,000 ราย และความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยตรงเกิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คลื่นความร้อน (33%) และพายุ (33%) เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากที่สุด ส่วนน้ำท่วมคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง (48%) ของจำนวนผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด สำหรับความเสียหายทางเศรษฐกิจนั้น พายุเป็นสาเหตุของความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยคิดเป็น 58% หรือ 2.64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในปี 2024

ในปี 2024 หลายประเทศทั่วโลกเผชิญกับภัยธรรมชาติรุนแรงที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก ครอบคลุมผลกระทบด้านต่างๆ ได้แก่ ผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับผลกระทบ และความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ทั้งในเชิง “ต่อประชากร” และ “ยอดรวมทั้งหมด” ดังนี้

  1. เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ ถูกพายุเฮอริเคนเบอริลระดับ 4 พัดถล่ม มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ประชาชนกว่า 40,000 คนได้รับผลกระทบ ความเสียหายเกือบ 20% ของ GDP (230 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  2. เกรนาดา เผชิญภัยแล้งรุนแรงก่อนหน้านั้น ส่งผลกระทบประชาชน 100,000 คน จากนั้นพายุเฮอริเคนเบอริลทำความเสียหายมูลค่า 218 ล้านเหรียญสหรัฐ มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 12,000 คน
  3. ชาด น้ำท่วมใหญ่คร่าชีวิต 576 ราย กระทบประชาชนเกือบ 2 ล้านคน บ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรมเสียหายหนัก
  4. ปาปัวนิวกินี ดินถล่มรุนแรง คร่าชีวิตกว่า 690 ราย ทำให้ผู้คนหลายพันพลัดถิ่น ความเสียหายทางเศรษฐกิจประมาณ 60 ล้านเหรียญสหรัฐ
  5. ไนเจอร์ น้ำท่วมหนักทั่วประเทศ มีผู้เสียชีวิต 396 ราย และประชาชนกว่า 1.5 ล้านคนได้รับผลกระทบ
  6. เนปาล เจอฝนมรสุมหนัก ดินถล่มและน้ำท่วม มีผู้เสียชีวิตกว่า 290 ราย กระทบประชาชน 2.6 ล้านคน
  7. ฟิลิปปินส์ เจอไต้ฝุ่น 6 ลูกใน 30 วัน ส่งผลกระทบประชากร 16 ล้านคน เสียชีวิตหลายร้อยราย
  8. มาลาวี เผชิญภัยแล้งและน้ำท่วมรุนแรง กระทบประชาชนกว่า 6 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 30 ราย
  9. เมียนมา ได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่นยากิและน้ำท่วม มีผู้เสียชีวิตกว่า 800 ราย และประชาชน 3.4 ล้านคนได้รับผลกระทบ
  10. เวียดนาม เจอไต้ฝุ่นยากิ พัดด้วยความเร็ว 280 กม./ชม. คร่าชีวิต 345 ราย กระทบประชาชน 3.6 ล้านคน เสียหายทางเศรษฐกิจถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ดัชนี Climate Risk 2026 ไทยพุ่ง Top 17 โลก เสี่ยงอากาศสุดขั้ว เมียนมาหนัก อันดับ 9

ไทยพุ่งจากอันดับ 72 เป็น 17

“ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช” อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2024 ประเทศไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น อยู่ในอันดับที่ 17 จากอันดับที่ 72 ในปี 2022 สะท้อนว่าความเปราะบางต่อสภาพอากาศสุดขั้วของไทยกำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนความเสี่ยงระยะยาว 30 ปี อยู่อันดับที่ 22 จากอันดับที่ 30 ในปี 2022 แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงของไทยเพิ่มสูงขึ้น บ่งชี้ว่าผลกระทบจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศ กำลังเร่งตัวและส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงด้านทรัพยากรอย่างจริงจัง

น้ำท่วมหาดใหญ่ หนักสุดในรอบ 300 ปี

แม้ไทยจะมีระดับการพัฒนาสูงกว่าประเทศรายได้ต่ำหลายประเทศ แต่ยังเผชิญความสูญเสียและความเสียหายจากสภาพอากาศรุนแรง โดยเฉพาะเหตุการณ์ น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตเสี่ยงภัยฝนตกหนัก

“ดร.พิรุณ” ระบุว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้คือ สัญญาณเตือนชัดเจนของ Climate Change ที่ส่งผลให้รูปแบบฝนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น

โดยหาดใหญ่มีปริมาณฝนในบางวันแตะระดับ 350 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่า “สูงผิดปกติในรอบ 300 ปี” ทำให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างกว้างขวาง

รัฐบาลเร่งระบบเตือนภัยและสังคมคาร์บอนต่ำ

“ดร.พิรุณ” อธิบายว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับภาวะโลกร้อนอย่างยิ่ง โดยกำหนดเป็นนโยบายด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่

  • ข้อ 12: เร่งพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติและขยายเครือข่ายเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงสูง
  • ข้อ 13: ผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ ตั้งเป้าให้ประเทศไทยบรรลุ ความเป็นกลางทางคาร์บอน และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050

ภายใต้กรอบนโยบายดังกล่าว กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฯ ได้เร่งดำเนินงานตาม แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (National Adaptation Plan: NAP) โดยบูรณาการความร่วมมือกับ 6 สาขาหลัก ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ครอบคลุมการดำเนินงานสำคัญ เช่น

  • พัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติ ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย Global Goal on Adaptation (GGA)
  • บริหารจัดการน้ำในเมืองและชนบท
  • มาตรการด้านสาธารณสุข การเกษตร และโครงสร้างพื้นฐาน
  • ใช้แนวทางธรรมชาติ (Nature-based Solutions) ในการลดความเสี่ยง
  • จัดทำแผนปรับตัวในพื้นที่เสี่ยงทั่วประเทศ
  • จัดทำฐานข้อมูลความเสี่ยงและระบบติดตามเชิงรุก
  • นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยบริหารจัดการภัยพิบัติ
  • เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้านการปรับตัวในพื้นที่

ทำดัชนีของไทยเอง – ดัน พรบ.ลดโลกร้อน

“ดร.พิรุณ” กล่าวด้วยว่า กรมยังอยู่ระหว่างพัฒนา ดัชนีความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (CRI) ของประเทศไทยเอง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือวางแผนเชิงพื้นที่ในระดับจังหวัด ช่วยให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงข้อมูลความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำและทันเวลา

พร้อมกันนี้ยังได้เร่งผลักดัน พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการปรับตัวของประเทศ และสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนรับมือกับสภาพอากาศสุดขั้วที่รุนแรงและเกิดบ่อยขึ้นในอนาคต

ประเทศที่มีภัยพิบัติมากที่สุด (1995–2024)

ทั้งนี้จากการสรุปรายงาน Climate Risk Index ประจำปี 2026 พบว่า ตลอดช่วงปี 1995–2024 หลายประเทศทั่วโลกเผชิญภัยพิบัติรุนแรงจากสภาพอากาศสุดขั้ว ส่งผลให้มีทั้งผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับผลกระทบ และความสูญเสียทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รายงานดัชนีความเสี่ยงสภาพภูมิอากาศได้จัดลำดับประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ดังนี้

  • โดมินิกา: เจอพายุไซโคลน 7 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 คน และความเสียหายรวมกว่า 3 พันล้านดอลลาร์
  • เมียนมา: เจอภัยพิบัติ 55 ครั้ง เสียชีวิต 141,000 คน สูญเสียกว่า 8.6 พันล้านดอลลาร์
  • ฮอนดูรัส: เจอภัยพิบัติ 60 ครั้ง เสียชีวิต 15,000 คน สูญเสีย 8 พันล้านดอลลาร์
  • ลิเบีย: พายุไซโคลนแดเนียลในปี 2023 คร่าชีวิต 13,200 คน และสร้างความเสียหาย 6 พันล้านดอลลาร์
  • เฮติ: เจอภัยพิบัติ 91 ครั้ง เสียชีวิต 8,000 คน สูญเสีย 4 พันล้านดอลลาร์
  • เกรเนดา: เจอพายุใหญ่ 7 ครั้ง เสียชีวิต 50 คน สูญเสีย 1.8 พันล้านดอลลาร์
  • ฟิลิปปินส์: เจอภัยพิบัติ 371 ครั้ง เสียชีวิต 27,500 คน ประชาชนได้รับผลกระทบ 230 ล้านคน สูญเสีย 35 พันล้านดอลลาร์
  • นิการากัว: เจอภัยพิบัติ 50 ครั้ง เสียชีวิต 3,800 คน สูญเสีย 3.2 พันล้านดอลลาร์
  • อินเดีย: เจอภัยพิบัติ 430 ครั้ง เสียชีวิต 80,000 คน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1.3 พันล้านคน สูญเสีย 170 พันล้านดอลลาร์
  • บาฮามาส: เจอภัยพิบัติ 17 ครั้ง เสียชีวิต 400 คน สูญเสีย 9.1 พันล้านดอลลาร์

ดัชนี Climate Risk 2026 ไทยพุ่ง Top 17 โลก เสี่ยงอากาศสุดขั้ว เมียนมาหนัก อันดับ 9

ประเทศกำลังพัฒนา เสี่ยง-เปราะบาง เพิ่มขึ้น

ดัชนี CRI ชี้ให้เห็นว่า ทุกประเทศได้รับผลกระทบ แต่ประเทศในซีกโลกใต้ (Global South) ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะ ในทั้งดัชนีระยะสั้นและระยะยาว ผลกระทบของเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางระดับล่างโดยเฉพาะ

ในปี 2024 ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 8 ใน 10 ประเทศอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางระดับล่าง ความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติของประเทศเหล่านี้ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ อย่างมาก

วิทยาศาสตร์ภูมิอากาศระบุอย่างชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ส่งผลต่อความถี่และความรุนแรงของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว แม้ว่าปรากฏการณ์เอลนีโญจะมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์รุนแรงหลายอย่างในช่วงต้นปี 2567 แต่ผลการศึกษาของ Attribution Science พบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศช่วยหนุนให้เหตุการณ์เหล่านี้รุนแรงยิ่งกว่าผลจากเอลนีโญเสียอีก

ผลการค้นพบของ CRI เป็นการเรียกร้องให้มีมาตรการบรรเทา การปรับตัว และการดำเนินการเรื่องความสูญเสียและความเสียหาย และเป็นเครื่องเตือนใจถึงความเสียหายอันหนักหน่วงที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างขึ้นทั่วโลก

ความเร่งด่วนสำหรับ COP

CRI 2026 เน้นย้ำว่า การประชุม COP ควรหาวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปิดช่องว่างด้านความทะเยอทะยานระดับโลก การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกจะต้องลดลงทันที ความพยายามในการปรับตัวต้องได้รับการเร่ง และต้องมีการแก้ไขปัญหาความสูญเสียและความเสียหายที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดหาเงินทุนด้านสภาพอากาศที่เพียงพอ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ยืนยันถึงความเร่งด่วนนี้ โดยระบุว่ารัฐต่างๆ มีหน้าที่ผูกพันทางกฎหมายในการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่เป็นอันตรายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
 

หมายเหตุ: 

  • CRI 2026 ใช้ข้อมูลจากปี 2024 และวิเคราะห์แนวโน้มย้อนหลัง 30 ปี (1995–2024)
  • CRI 2025 ใช้ข้อมูลจากปี 2023 และวิเคราะห์แนวโน้มย้อนหลัง 30 ปี (1993–2022)