เมืองใหญ่ทั่วโลกเผชิญวิกฤติน้ำ WEF ชี้ 'นวัตกรรม' คือทางออก-ไทยเป็นอย่างไร

วิกฤติน้ำกำลังทวีความรุนแรงขึ้น และเขตเมืองกลายเป็นแนวหน้าของปัญหานี้ WEF เผยรายงานใหม่ พร้อมเครื่องมือช่วยเมืองต่างๆ เร่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อนวัตกรรมน้ำ
KEY
POINTS
- World Economic Forum (WEF) รายงานว่าเมืองใหญ่ทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤติน้ำ โดยคาดว่าความต้องการใช้น้ำในเขตเมืองจะเพิ่มขึ้นถึง 80% ภายในปี พ.ศ.2593
- WEF ชี้ว่า "นวัตกรรม" คือ ทางออกสำคัญในการแก้ปัญหา โดยได้เปิดตัวเครื่องมือ Water-BOOST เพื่อช่วยเมืองต่างๆ สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมด้านน้ำ
- ประเทศไทยเผชิญความท้าทายด้านน้ำเช่นกัน ทั้งปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และน้ำสูญเสียในระบบ ซึ่งต้องอาศัยนวัตกรรม เช่น แนวคิดเมืองฟองน้ำ และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในการจัดการ
วิกฤติน้ำกำลังทวีความรุนแรงขึ้น และเขตเมืองกลายเป็นแนวหน้าของปัญหานี้ World Economic Forum (WEF) เผยรายงานใหม่ พร้อมเครื่องมือช่วยเมืองต่างๆ เร่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อนวัตกรรมน้ำ
วิกฤติน้ำในเมือง ความต้องการพุ่ง สวนทางกับความเสี่ยง
รายงานล่าสุดจาก World Economic Forum ชี้ให้เห็นว่า หลายร้อยล้านคนในเขตเมืองต้องเผชิญกับภาวะที่ความต้องการน้ำมีมากกว่าปริมาณน้ำที่สามารถจัดหาได้อย่างสม่ำเสมอ และคาดว่าภายใน พ.ศ.2593 ความต้องการน้ำในเขตเมืองจะเพิ่มขึ้นถึง 80%
ปัจจัยกดดัน เช่น ภัยแล้ง โครงสร้างพื้นฐานที่เก่าแก่ และการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้ศูนย์กลางเมืองจำนวนมากขึ้นเร่งเปลี่ยนความท้าทายเหล่านี้ให้เป็นโอกาส ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างธรรมาภิบาล การลงทุน และความร่วมมือ
Water-BOOST เครื่องมือสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม
WEF ได้เปิดตัวรายงานเชิงลึก และแนะนำเครื่องมือที่เรียกว่า Water-BOOST (Bridging Opportunities and Optimising Support Toolkit) ซึ่งเป็นกรอบการทำงานเชิงระบบที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เมืองต่างๆ เข้าใจ และเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่จำเป็นต่อนวัตกรรมด้านน้ำ เพื่อเปลี่ยนโครงการนำร่องให้เป็นระบบนวัตกรรมที่สามารถขยายผลได้
การยกระดับนวัตกรรมน้ำให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการทำงานร่วมกันข้ามภาคส่วน และเน้นย้ำสามบทเรียนสำคัญ
- นวัตกรรมต้องการส่วนผสมที่ลงตัว ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และกลไกที่เอื้ออำนวย
- ความร่วมมือมีความสำคัญพอๆ กับการมีส่วนร่วม
- เมืองควรเรียนรู้จากกัน และกัน เพื่อปรับกลไกที่ประสบความสำเร็จให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น
กรณีศึกษาจากทั่วโลก กลยุทธ์ที่หลากหลาย
รายงานได้นำเสนอตัวอย่างความสำเร็จจาก 6 เมืองทั่วโลก เพื่อแสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อนวัตกรรมน้ำจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
- ซานฟรานซิสโก (สหรัฐอเมริกา) : ใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวด โดยเป็นเมืองแรกในสหรัฐ ที่กำหนดให้สิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ต้องติดตั้งระบบนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในสถานที่ (onsite water reuse) ซึ่งขับเคลื่อนความต้องการเทคโนโลยีรีไซเคิลอย่างยั่งยืน
- บาเลนเซีย (สเปน): บริษัทน้ำเอกชน Global Omnium เป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยติดตั้งเซนเซอร์กว่า 1 ล้านตัว และใช้ AI เพื่อบริหารเครือข่ายน้ำอย่างเรียลไทม์ และตั้งกองทุน GoHub Ventures เพื่อลงทุนในสตาร์ตอัป
- สิงคโปร์: Public Utilities Board (PUB) ทำหน้าที่ทั้งเป็นผู้ให้บริการน้ำ และหน่วยงานกำกับดูแล พร้อมริเริ่ม Living Lab เพื่อเป็นสนามทดสอบจริงสำหรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ลดอุปสรรคในการนำไปใช้ และเร่งการเปลี่ยนผ่านจากต้นแบบสู่การใช้งานจริง
- อักกรา (กานา): โซลูชันนวัตกรรมเกิดจากระดับรากหญ้า และความร่วมมือกับ NGO โดยเน้นที่การกรองน้ำในครัวเรือนที่ราคาเข้าถึงได้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุน และความสามารถทางเทคนิคจากองค์กรระหว่างประเทศ
- บังกาลอร์ (อินเดีย): แม้การกำกับดูแลจะมีจุดอ่อน แต่การขับเคลื่อนจากระดับชุมชน เช่น การฟื้นฟูทะเลสาบ และการเก็บเกี่ยวน้ำฝน กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญ ซึ่งต้องหาทางผนวกเข้ากับกรอบการวางแผนที่เป็นทางการต่อไป
ประเทศไทย ความท้าทาย และโอกาสในการจัดการน้ำในเขตเมือง
สำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่เมืองหลักอย่างกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ก็เผชิญความท้าทายด้านน้ำไม่ต่างกัน ทั้งปัญหา น้ำท่วม ในฤดูฝนที่เกิดจากการระบายน้ำไม่ทัน และการขยายตัวของเมือง และปัญหา ภัยแล้ง ที่ส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำอุปโภคบริโภค และภาคการเกษตร
- โครงสร้างพื้นฐาน: การประปานครหลวง (กปน.) รายงานว่า แม้จะมีการปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหา น้ำสูญเสีย ในระบบท่อประปาจากการรั่วไหลยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องอาศัยนวัตกรรมในการตรวจจับ และซ่อมแซมอย่างแม่นยำ และรวดเร็ว
- การบริหารจัดการน้ำท่วม : กรุงเทพมหานครมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เช่น อุโมงค์ระบายน้ำ และการปรับปรุงระบบคลอง อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่อง เมืองฟองน้ำ (Sponge City) ที่ส่งเสริมการซึมซับน้ำในพื้นที่เมือง และการนำน้ำฝนกลับมาใช้ใหม่ ยังต้องการการสนับสนุนด้านนโยบาย และนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการนำไปใช้ในวงกว้าง
- การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่: หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนเริ่มให้ความสนใจในเรื่องการบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (Water Reuse) ในระดับอาคารหรือระดับพื้นที่มากขึ้น โดยต้องมีการออกกฎระเบียบ และมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมั่น และแรงจูงใจในการลงทุน
เพื่อให้บรรลุศักยภาพสูงสุด ชุมชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลากหลายกลุ่ม (ภาครัฐ ภาคเอกชน สตาร์ตอัป ภาคประชาสังคม) ต้องร่วมมือกันกำหนดเป้าหมายร่วมกัน และเปลี่ยนระบบที่ซับซ้อนให้เป็นเส้นทางปฏิบัติที่ชัดเจน Water-BOOST จึงสนับสนุนเมืองต่างๆ ในการออกแบบสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการรับมือกับความท้าทายด้านน้ำในอนาคตด้วยความมั่นใจ
ที่มา : World Economic Forum
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







