พลิกโฉมเมืองใหญ่ นครทั่วโลกเร่ง 'ฟื้นฟูธรรมชาติ-รับมือภัยคุกคามชีวภาพ'

พลิกโฉมเมืองใหญ่  นครทั่วโลกเร่ง 'ฟื้นฟูธรรมชาติ-รับมือภัยคุกคามชีวภาพ'

ดัชนีชี้ 'ประชากรสัตว์ป่า' ทั่วโลกลดฮวบ 73% ใน 50 ปีที่ผ่านมา เมืองยุคเร่งรีบถูกท้าทายให้ผนวกธรรมชาติเข้ากับการพัฒนา WEF ชูตัวอย่าง 5 เมืองนำร่อง รวมถึงความพยายามในไทย ในการสร้างเมืองที่มนุษย์และระบบนิเวศอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

KEY

POINTS

  • ประชากรสัตว์ป่าทั่วโลกลดลงอย่างรุนแรงถึง 73% ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา กระตุ้นให้เมืองใหญ่ทั่วโลกต้องเร่งฟื้นฟูธรรมชาติและรับมือกับวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพ
  • World Economic Forum (WEF) ผลักดันโครงการ Nature-Positive Cities เพื่อส่งเสริมให้เมืองต่างๆ ผนวกธรรมชาติเข้ากับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
  • มีการยกตัวอย่าง 5 เมืองนำร่อง เช่น บาร์รังกียา (โคลอมเบีย) และอินชอน (เกาหลีใต้) ที่ดำเนินโครงการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว แหล่งน้ำ และปกป้องระบบนิเวศในเขตเมือง
  • ประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกัน เช่น การเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างสวนป่าเบญจกิติ และการใช้แก้มลิงเพื่อจัดการน้ำและป้องกันน้ำท่วม

ดัชนีชี้ 'ประชากรสัตว์ป่า' ทั่วโลกลดฮวบ 73% ใน 50 ปีที่ผ่านมา เมืองยุคเร่งรีบถูกท้าทายให้ผนวกธรรมชาติเข้ากับการพัฒนา World Economic Forum ชูตัวอย่าง 5 เมืองนำร่อง รวมถึงความพยายามในไทย  ในการสร้างเมืองที่มนุษย์และระบบนิเวศอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

รายงานจากกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) เมื่อปี พ.ศ. 2567  ชี้ให้เห็นถึงวิกฤติความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลก ด้วยค่าเฉลี่ยของขนาดประชากรสัตว์ป่าทั่วโลกลดลงถึง 73% ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากการสูญเสียและความเสื่อมโทรมของถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ ในขณะที่โลกกำลังเร่งเร้าสู่ความเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว (Urbanization) นี่คือความท้าทายที่สำคัญสำหรับเมืองต่างๆ ที่จะต้องหาแนวทางให้ธรรมชาติและสัตว์ป่าสามารถเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมในเมือง

World Economic Forum (WEF) ได้ร่วมมือกับหน่วยงานเมืองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ผ่านโครงการ Nature-Positive Citiesและ Davos Baukultur Alliance เพื่อเร่งการฟื้นฟูธรรมชาติในเขตเมือง และเปลี่ยนความมุ่งมั่นด้านธรรมชาติให้เป็นโครงการที่สามารถลงทุนและขยายผลได้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต

ตัวอย่างต้นแบบสำหรับการดำเนินการด้านธรรมชาติในระดับโลก

บาร์รังกียา (Barranquilla) โคลอมเบีย: เน้นการสร้างสมดุลระหว่างความหลากหลายทางชีวภาพและการเติบโต ด้วยโครงการลงทุน $380 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว การปรับปรุงแหล่งน้ำ และโครงสร้างพื้นฐานพลังงานหมุนเวียน สามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้กว่า 1.8 ล้านตารางเมตร ทำให้ 93% ของครัวเรือนเข้าถึงพื้นที่ธรรมชาติได้ภายใน 8 นาที

เบเลง (Belém) บราซิล: เมืองเจ้าภาพ COP30 กำลังพลิกโฉมทางน้ำที่ถูกทำลายจากการถมที่ดินและการพัฒนาแบบ "สีเทา" ด้วยโครงการขนาดใหญ่ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูคุณภาพน้ำและการยกระดับความเป็นอยู่ของประชากรกว่า 70% ผ่านการระบายน้ำขนาดใหญ่ร่วมกับการ คืนสู่ธรรมชาติ ของลำธารโดยไม่เทพื้นคอนกรีต

เดอร์บัน (Durban) แอฟริกาใต้: เผชิญความท้าทายจากปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัยที่ผลักดันให้เกิดชุมชนแออัดในพื้นที่อ่อนไหวทางธรรมชาติ เมืองใช้ระบบ Durban Metropolitan Open Space System เพื่ออนุรักษ์พื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง 95,000 เฮกตาร์ และมีโครงการ Transformative River Management Programme ที่ให้ความสำคัญกับแนวทางแก้ไขปัญหาโดยอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก (Nature-based solutions)

อินชอน (Incheon) เกาหลีใต้: ศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ได้นำแผนปฏิบัติการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติมาใช้ เพื่อขยายพื้นที่คุ้มครอง เสริมสร้างการปกป้องสัตว์ป่า และเข้าร่วมเป็นพันธมิตร East Asia-Australasian Flyway Partnership เพื่อปกป้องแหล่งที่อยู่ของนกอพยพ แสดงให้เห็นว่าศูนย์กลางอุตสาหกรรมสามารถใช้โซลูชั่นที่เน้นธรรมชาติในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพได้

ซานฟรานซิสโก (San Francisco) สหรัฐอเมริกา: เมืองแห่งเทคโนโลยีเผชิญกับความต้องการที่อยู่อาศัยที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศที่เปราะบาง เช่น ป่าไม้โอ๊คและพื้นที่ชุ่มน้ำ ข้อเสนอแนะสำคัญคือการประสานงานข้ามหน่วยงานในการจัดการระบบนิเวศที่ถูกละเลย การมีแผนปฏิบัติการด้านธรรมชาติอย่างเป็นทางการ และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน เช่น การจัดตั้งสวนชุมชน

มุมมองการดำเนินการในประเทศไทย

ในบริบทของประเทศไทย เมืองต่างๆ โดยเฉพาะ กรุงเทพมหานคร ได้มีการริเริ่มแนวคิดและการดำเนินการที่สอดคล้องกับแนวทาง Nature-Positive Cities เช่นกัน โดยเน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการจัดการน้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • การเพิ่มพื้นที่สีเขียว: กรุงเทพมหานครได้มีการเร่งรัดการจัดสร้างสวนสาธารณะขนาดใหญ่ เช่น สวนป่าเบญจกิติ และมุ่งเป้าหมายการเพิ่มอัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อประชากรเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต 
  • การจัดการน้ำและแก้มลิง: กรมชลประทานระบุว่ามีการพัฒนาพื้นที่หน่วงน้ำ (แก้มลิง) และปรับปรุงคลองต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำและการเป็นแนวพื้นที่สีเขียวตามแนวคลอง ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 
  • การพัฒนาเมืองยั่งยืน: สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล - DEPA ชี้ เมืองสำคัญอื่นๆ เช่น ภูเก็ตและเชียงใหม่ ได้มีการนำแนวคิดเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และแนวทางการพัฒนาที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการวางแผนเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) 

ตัวอย่างจากเมืองทั่วโลกเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า แม้ความท้าทายจะซับซ้อน แต่ด้วยนวัตกรรม ความร่วมมือ และความมุ่งมั่นต่อโซลูชั่นที่เน้นธรรมชาติ เมืองต่างๆ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ทั้งมนุษย์และธรรมชาติสามารถเจริญเติบโตร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

ที่มา : World Economic Forum