สหรัฐสร้าง ‘โรงเหล็กพลังงานแสงอาทิตย์’ แห่งแรก อนาคตอุตสาหกรรมเหล็กไร้คาร์บอน

สหรัฐสร้าง ‘โรงเหล็กพลังงานแสงอาทิตย์’ แห่งแรก อนาคตอุตสาหกรรมเหล็กไร้คาร์บอน

สหรัฐสร้างโรงเหล็กพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรก สร้างอนาคตอุตสาหกรรมเหล็กไร้คาร์บอน ลดต้นทุน-ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

KEY

POINTS

  • สหรัฐฯ กำลังก่อสร้างโรงงานเหล็กพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกในทะเลทรายโมฮาวี รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยใช้พลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์และลมเป็นหลัก
  • โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ 75,000 คันออกจากท้องถนน และจะรีไซเคิลเศษโลหะในพื้นที่เพื่อลดมลพิษจากการขนส่ง
  • โรงงานคาดว่าจะผลิตเหล็กเส้นได้ 450,000 ตันต่อปี และถือเป็นต้นแบบสำคัญในการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมหนักไปสู่การผลิตแบบไร้คาร์บอน

สหรัฐสร้าง “โรงงานเหล็กพลังงานแสงอาทิตย์” แห่งแรกในทะเลทรายโมฮาวี ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ 75,000 คันออกจากท้องถนน

Pacific Steel Group เริ่มก่อสร้างโรงงานเหล็กพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของสหรัฐในทะเลทรายโมฮาวี รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งจะใช้พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์และกังหันลมที่อยู่ติดกับโรงงาน คาดว่าจะผลิตเหล็กเส้นได้ 450,000 ตันต่อปี เมื่อกำลังการผลิตเต็มกำลังในปี 2027

โรงงานเหล็กพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวิธีการผลิตเหล็กของสหรัฐ เพราะโรงงานเหล็กแบบดั้งเดิมใช้ไฟฟ้าจากโรงงานถ่านหินหรือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากสู่บรรยากาศ แต่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 370,000 ตันต่อปี เท่ากับเอารถยนต์ออกจากถนน 75,000 คัน และช่วยประหยัดน้ำมันได้ 783,000 บาร์เรล

ภายในโรงงานขนาดประมาณ 440 ไร่ ประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ และกังหันลมประมาณ 160 ไร่ ซึ่งจะมอบพลังงานให้เตาเผาไฟฟ้าของโรงงานประมาณ 85% ของทั้งหมด ทำให้โรงงานยังต้องเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าท้องถิ่นเพื่อใช้เป็นพลังงานสำรอง บริษัทจึงติดตั้งเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนเพื่อชดเชยการปล่อยมลพิษจากแหล่งพลังงานไฟฟ้าแบบดั้งเดิมอีกด้วย

สหรัฐสร้าง ‘โรงเหล็กพลังงานแสงอาทิตย์’ แห่งแรก อนาคตอุตสาหกรรมเหล็กไร้คาร์บอน

วิธีการนี้ช่วยไม่ให้ราคาไฟฟ้าสูงขึ้นเกินไป จนส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรายอื่น ขณะเดียวกันการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยควบคุมต้นทุนพลังงานควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เอริค เบนสัน ซีอีโอของ Pacific Steel Group ระบุว่าบริษัทได้ใช้เวลา 5 ปีในการวางแผนโครงการนี้ โดยใช้เงินลงทุนมากกว่า 540 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งโครงการนี้จะช่วยสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมากต่อภูมิภาคเซ็นทรัลวัลเลย์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เกิดการจ้างงานเกือบ 450 ตำแหน่งภายในห้าปี อีกทั้งบริษัทได้ร่วมมือกับวิทยาลัยในท้องถิ่น เพื่อฝึกอบรมพนักงานสำหรับอาชีพในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก

รัฐแคลิฟอร์เนียได้จัดสรรเครดิตภาษีมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการนี้ผ่านสำนักงานพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจของผู้ว่าการรัฐ ช่วยให้บริษัทสามารถจ้างพนักงานและซื้ออุปกรณ์การผลิตได้

โรงงานเหล็กพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้จะช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่คาดไม่ถึงอีก ปัจจุบันรัฐแคลิฟอร์เนียขนส่งเศษโลหะเกือบครึ่งล้านตันไปยังรัฐอื่นเพื่อนำไปรีไซเคิล การขนส่งนี้ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเพิ่มขึ้น แต่โรงงานแห่งใหม่นี้จะรีไซเคิลเศษโลหะเหล่านั้นในพื้นที่ โดยเก็บรักษาวัสดุเหล่านั้นไว้ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะเดียวกันก็ช่วยลดมลพิษจากการขนส่งได้อีก

Pacific Steel จะติดตั้งระบบควบคุมมลพิษขั้นสูงให้กับโรงงาน ซึ่งครอบคลุมมากกว่าการใช้พลังงานหมุนเวียน โรงงานแห่งนี้จะมีโรงหลอมแบบปิดมิดชิด ระบบควบคุมไนโตรเจนออกไซด์ ระบบเก็บฝุ่น และอุปกรณ์นำความร้อนกลับมาใช้ใหม่ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดมลพิษทางอากาศและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้สูงสุด

ในตอนนี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐต้องการเหล็กเส้นจำนวนมหาศาลสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โครงการที่อยู่อาศัย และการปรับปรุงอาคารเพื่อรองรับแผ่นดินไหว ดังนั้นการผลิตเหล็กเส้นด้วยพลังงานสะอาดได้ภายในรัฐช่วยลดทั้งต้นทุนการขนส่งและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โดยทั่วไปแล้ว การผลิตเหล็กจัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอนสูงที่สุดในโลก โรงงานเหล็กทั่วโลกมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 7% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด แนวทางของ Pacific Steel พิสูจน์ให้เห็นว่าแม้แต่อุตสาหกรรมหนักก็สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีและการวางแผนที่เหมาะสม

ทะเลทรายโมฮาวีถือเป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการผลิตพลังงานหมุนเวียน พื้นที่นี้ได้รับแสงแดดตลอดทั้งปีและลมแรง ทำให้แผงโซลาร์เซลล์และกังหันมีประสิทธิภาพสูง ทำเลที่ตั้งอันห่างไกลนี้ยังมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับทั้งโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เกี่ยวข้อง

โรงงานเหล็กพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้แสดงให้เห็นว่าความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความสำเร็จทางธุรกิจสามารถทำงานร่วมกันได้ Pacific Steel เลือกใช้พลังงานหมุนเวียนไม่ใช่เพื่อการประชาสัมพันธ์ แต่เพราะคุ้มค่าทางการเงิน ต้นทุนพลังงานที่ลดลง ราคาไฟฟ้าที่คงที่ และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่ลดลง ก่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน

ปัจจุบันรัฐแคลิฟอร์เนียมีการจ้างงานด้านพลังงานสะอาดมากกว่าครึ่งล้านคน มากกว่ารัฐเท็กซัสถึงสองเท่า และแคลิฟอร์เนียมีงานด้านพลังงานสะอาดมากกว่างานด้านเชื้อเพลิงฟอสซิลถึงเจ็ดเท่า แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนเป็นแรงผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างไร

โครงการนี้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างที่จะเกิดขึ้นในภาคการผลิตของสหรัฐ ขณะที่ต้นทุนพลังงานหมุนเวียนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทต่าง ๆ จะดำเนินรอยตาม Pacific Steel มากขึ้น อุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลไปจนถึงโรงงานเคมี กำลังสำรวจแนวทางที่คล้ายคลึงกันเพื่อลดต้นทุนและการปล่อยมลพิษไปพร้อม ๆ กัน


ที่มา: Fast CompanyHappy Eco NewsInspenet