ไทยโชว์ศักยภาพแหล่งอาทิตย์ ดักจับ-กักเก็บคาร์บอนปีละ1ล้านตัน

การประชุมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนทางเทคนิคระหว่างสหราชอาณาจักร – ไทยเพื่อการพัฒนาแผนการดำเนินงานระดับชาติในการใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (The UK- Thailand Technical Exchange Workshop: Towards a National Roadmap on Carbon Capture, Utilisation and Storage)
การประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวจัดขึ้นโดยสถานทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เครือข่ายพันธมิตร ด้านการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอนแห่งประเทศไทย (Thailand CCUS Alliance: TCCA) และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนแนวนโยบาย การดำเนินงาน แนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและการใช้ CCUS และรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักรสำหรับการจัดทำแผนงานด้าน CCUS ของประเทศไทย
ในโอกาสนี้ นายวุฒิกร สติฐิต ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยี CCUS ที่เป็นกลไกสำคัญในการลดการปล่อยคาร์บอนจากภาคส่วนพลังงาน และภาคส่วนที่ลดได้ยาก ซึ่งไทยมีศักยภาพในการจัดทำโครงการ CCUS ในหลายรูปแบบ อาทิ โรงไฟฟ้าถ่านหิน และแหล่งปิโตรเลียมที่หมดสภาพแล้ว โดยมีโครงการนำร่องคือ “แหล่งอาทิตย์” ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี ค.ศ. 2028 โดยมีศักยภาพกักเก็บคาร์บอนสูงสุด 1 ล้านตันต่อปี
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์เอลิสัน ฟลาวเวอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านพลังงานของกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนา ที่เดินทางเยือนประเทศไทยเมื่อเดือนมิ.ย.2568 ที่ผ่านมาได้ ชี้ให้เห็นถึงการร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศที่แข็งแกร่ง ซึ่งสหราชอาณาจักรยังคงมุ่งมั่นเสริมสร้างความร่วมมือด้าน CCUS กับประเทศไทยต่อไป เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและปล่อยคาร์บอนต่ำ
นายมาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า สหราชอาณาจักรยังคงยืนหยัดในฐานะพันธมิตรที่เข้มแข็งของไทยเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและพัฒนาเทคโนโลยี CCUS ที่จะช่วยสร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ และแก้ไขปัญหาโลกร้อน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป
ดร. ภญ.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)กล่าวว่า สวทช. เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติด้านพลังงานและบูรณาการในยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมขององค์กร ทั้งในด้านการพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าใจการปล่อยคาร์บอนและตั้งเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในภาคพลังงาน ไปพร้อมกับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีดักจับและใช้ประโยชน์คาร์บอน ซึ่งเป็นทางออกสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ยาก
ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 การบรรลุเป้าหมายนี้ต้องอาศัยความมุ่งมั่น นวัตกรรม และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม UK – Thailand CCS Knowledge Exchange Week: Towards a National CCS Roadmapซึ่งประกอบด้วยการเยี่ยมชมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในจังหวัดระยอง และการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นเวลาสองวันครึ่ง คณะผู้เชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักรประกอบด้วย ศาสตราจารย์ จอน กิบบินส์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการดักจับและกักเก็บคาร์บอนแห่งสหราชอาณาจักร (UK Carbon Capture and Storage Research Centre) และอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโรงไฟฟ้าและการกักเก็บคาร์บอนจากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์เคท พิลลิ่ง ผู้เชี่ยวชาญนโยบายด้านการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน กระทรวงความมั่นคงทางพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ลอร่า ฮาร์ดิแมน ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการขนส่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากบริษัท Crondall Energy ผู้เชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักรได้แบ่งปันประสบการณ์จากการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติเกี่ยวกับ CCUS และการถอดบทเรียนที่สำคัญของสหราชอาณาจักร
ตั้งแต่การสร้างกรอบกฎหมายที่เข้มแข็ง การออกแบบโครงการเพื่อดึงดูดการลงทุน ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ ซึ่งบทเรียนที่ได้จากผู้เชี่ยวชาญ ถูกนำมาใช้เป็นกรอบกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม CCUS ในบริบทของประเทศไทย







