'เหมืองแร่' สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ด้วย 'หางแร่' สร้างคาร์บอนเครดิตไทย

'เหมืองแร่' สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ด้วย 'หางแร่' สร้างคาร์บอนเครดิตไทย

“มาตรฐานและความโปร่งใส” ให้กับทองคำ ในการพัฒนา “ระบบนิเวศทองคำไทยที่มีความรับผิดชอบ” (Thai Responsible Gold Ecosystem) เพื่อกำหนดมาตรฐานกลางที่ทุกภาคส่วนใช้ร่วมกันได้อย่างเป็นรูปธรรม

KEY

POINTS

  • มีการนำ “หางแร่” ซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการทำเหมือง มาพัฒนานวัตกรรมเป็นวัสดุก่อสร้างและวัสดุดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์
  • นวัตกรรมจากหางแร่มีศักยภาพในการสร้าง “คาร์บอนเครดิต” ให้กับประเทศ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหมืองแร่สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
  • การปรับตัวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายใหญ่ในการสร้าง “ระบบนิเวศทองคำไทยที่มีความรับผิดชอบ” ผ่านแนวคิดทองคำสีเขียว (Green Gold) และการสร้างมาตรฐานสากล

การสร้าง “มาตรฐานและความโปร่งใส” ให้กับทองคำเป้าหมายในการพัฒนา “ระบบนิเวศทองคำไทยที่มีความรับผิดชอบ” (Thai Responsible Gold Ecosystem) เพื่อกำหนดมาตรฐานกลางที่ทุกภาคส่วนใช้ร่วมกันได้อย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดโลก และขับเคลื่อนไทยจากการเป็นผู้ปฏิบัติตาม สู่การเป็นผู้นำด้านมาตรฐานและความยั่งยืน 

การรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ 

กีรดิต หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ และประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอ็มทีเอส รีไฟเนอรี่ แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จํากัด กล่าวว่า ในฐานะผู้ค้าทองคำรายแรกของไทยที่ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ได้นำเสนอแนวคิด ทองคำสีเขียว (Green Gold) ซึ่งให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การทำเหมือง การถลุงแร่ การผลิต ไปจนถึงการจำหน่าย 

  1. คุณค่าที่เหนือกว่าเศรษฐกิจ: แนวคิดนี้ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับทองคำในมิติของจริยธรรมและความยั่งยืน (Ethical & Sustainable Gold) 
  2. ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่: เป็นการตอบโจทย์นักลงทุนรุ่นใหม่และผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องการลงทุนในทองคำที่มีกระบวนการผลิตที่โปร่งใสและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 
  3. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน: การเปลี่ยนผ่านนี้จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์และศักยภาพการแข่งขันของทองคำไทยในเวทีโลก พร้อมผลักดันให้อุตสาหกรรมทองคำไทยก้าวสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน 

นวัตกรรมหางแร่ วัสดุเหลือใช้สู่โอกาส Carbon Credit

ดร.พีท หอมชื่น อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า นวัตกรรมจากหางแร่ ซึ่งเป็นสิ่งหลงเหลือจากกระบวนการผลิตทองคำและเงินของอัครา โดยภาควิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้นำเสนอแนวทางในการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้นี้

  • อิฐบล็อกจากหางแร่: เป็นการเปลี่ยนแร่เหลือใช้ให้กลายเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความแข็งแรงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นต้นแบบสำหรับการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในอนาคตและช่วยลดปริมาณของเสียจากเหมือง 
  • วัสดุดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์: มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้หางแร่เป็นวัสดุดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง 
  • สร้างปริมาณคาร์บอนเครดิต: การพัฒนาดังกล่าวจะสามารถเพิ่มปริมาณคาร์บอนเครดิตให้กับประเทศได้ 

'เหมืองแร่' สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ด้วย 'หางแร่' สร้างคาร์บอนเครดิตไทย

อุตสาหกรรมทองคำไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซสฯ กล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมทองคำไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งห่วงโซ่การผลิต และเวทีนี้เป็นโอกาสสำคัญในการพูดคุยเกี่ยวกับมาตรฐานและแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมทองคำไทยให้ก้าวหน้าอย่างมีความรับผิดชอบ อัคราในฐานะผู้ประกอบการต้นน้ำ พร้อมเป็นต้นแบบของการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Mining) ด้วยความโปร่งใสและมาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 

มาตรฐานสากลและการตรวจสอบย้อนกลับ

สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อํานวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า การสร้างความเชื่อมั่นในตลาดโลกจำเป็นต้องอาศัยมาตรฐานที่รัดกุมและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะในประเด็นด้านการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) และการทำเหมืองอย่างรับผิดชอบ

ความท้าทายในการตรวจสอบย้อนกลับทองคำ: ทองคำสามารถแปรรูปได้ง่าย ทำให้การตรวจสอบย้อนกลับทำได้ยากกว่าอัญมณีประเภทพลอยซึ่งสามารถควบคุมด้วยการระบุแหล่งที่มาได้ ในต่างประเทศมีการใช้ระบบ Hallmarking และเอกสารกำกับ แต่ก็สามารถควบคุมได้เฉพาะในกระบวนการแรกๆ หลังออกจากเหมืองเท่านั้น

ความจำเป็นในการยึดโยงกับมาตรฐานสากล

  • OECD Guidelines: แนวทางปฏิบัติในการทำเหมืองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้ง (Conflict Minerals) หรือการเอาเปรียบ
  • Responsible Sourcing/Mining: กระบวนการทำเหมืองที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนและพื้นที่โดยรอบ
  • LBMA (London Bullion Market Association): แม้สิงคโปร์จะมีความโดดเด่นในด้านนี้ แต่ด้วยความพร้อมของไทย คาดว่าในอีกไม่เกิน 2 ปี ไทยจะสามารถมีโรงสกัดและหลอมโลหะ (Refinery) ที่ได้มาตรฐานเป็นของตัวเองได้

การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำไทยให้เติบโตอย่างรับผิดชอบ โปร่งใส และมีส่วนร่วม เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการผลักดัน เศรษฐกิจสีเขียว ของประเทศไทย

'เหมืองแร่' สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ด้วย 'หางแร่' สร้างคาร์บอนเครดิตไทย