กลยุทธ์ไทย ยกระดับ 'คาร์บอนเครดิตอาเซียน' สู่มาตรฐานโลกใน COP30

กลยุทธ์ไทย ยกระดับ 'คาร์บอนเครดิตอาเซียน' สู่มาตรฐานโลกใน COP30

ไทยเร่งสร้างความไว้วางใจในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจโดยใช้ยุทธศาสตร์การรับรองสองมาตรฐาน เน้นเทคโนโลยี MRV ดิจิทัลเพื่อรับประกันความโปร่งใสและป้องกันการทำซ้ำของเครดิต

KEY

POINTS

  • ไทยใช้กลยุทธ์การรับรองสองมาตรฐาน (Dual Certification) ควบคู่กับมาตรฐานสากล และผลักดัน "ข้อริเริ่มคาร์บอนอาเซียนที่มีความสมบูรณ์สูง" (HACI) เพื่อยกระดับคุณภาพและความน่าเชื่อถือ
  • สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านข้อตกลงภายใต้มาตรา 6 ของความตกลงปารีสกับพันธมิตร เช่น สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น เพื่อรับประกันการถ่ายโอนเครดิตที่โปร่งใส
  • นำเทคโนโลยีดิจิทัล MRV (การวัดผล การรายงาน และการทวนสอบ) มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และป้องกันการนับซ้ำของคาร์บอนเครดิต

ไทยเร่งสร้างความไว้วางใจในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ (VCM) โดยใช้ยุทธศาสตร์การรับรองสองมาตรฐาน (Dual Certification) ควบคู่กับ "ข้อริเริ่มคาร์บอนอาเซียนที่มีความสมบูรณ์สูง" (HACI) พร้อมผนึกข้อตกลงมาตรา 6 กับพันธมิตรสำคัญ เน้นเทคโนโลยี MRV ดิจิทัลเพื่อรับประกันความโปร่งใสและป้องกันการทำซ้ำของเครดิต

ความไว้วางใจและมาตรฐานสากล จุดเปลี่ยนสู่ตลาดพรีเมียม

ปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวในงานเสวนาเรื่องเชื่อมโยงตลาดคาร์บอนอาเซียนกับตลาดคาร์บอนโลกและข้อตกลงปารีส มาตรา 6 ภายในบูธของประเทศไทย ในงาน COP30  ณ กรุงเบเลม ประเทศบราซิล ว่าการพัฒนาตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ (Voluntary Carbon Market - VCM) ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนกำลังก้าวสู่ระดับ "พรีเมียม" โดยมีหลักการสำคัญคือการสร้าง ความไว้วางใจ (Trust) และการยอมรับในคุณภาพระดับสากล องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคือ

  1. การยึดโยงกับมาตรฐานสากล: ตระหนักดีว่าคาร์บอนเครดิตที่มีคุณภาพสูงสุดต้องได้รับการรับรองจากมาตรฐานระดับโลก เช่น IC VMC (Integrity Council for the Voluntary Carbon Market) ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาด VCM
  2. กลยุทธ์การรับรองสองมาตรฐาน (Dual Certification): ประเทศไทยกำลังเจรจากับองค์กรผู้ออกมาตรฐานสากล เพื่อให้โครงการคาร์บอนเครดิตของไทยได้รับการรับรองจากทั้งมาตรฐานในประเทศ (T-VER/Premium T-VER) และมาตรฐานสากลพร้อมกัน กลยุทธ์นี้เป็นหลักประกันที่แข็งแกร่งที่สุดในเรื่องคุณภาพ ความมีอยู่จริง และการไม่ซ้ำซ้อนของเครดิต (Non-Duplication) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อทั่วโลกให้ความสำคัญสูงสุด

คาร์บอนอาเซียนที่มีความสมบูรณ์สูง (HACI) ยุทธศาสตร์ภูมิภาค

เพื่อยกระดับตลาดคาร์บอนในระดับภูมิภาคให้มีอำนาจต่อรองและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก อาเซียนได้ผลักดัน "ข้อริเริ่มคาร์บอนอาเซียนที่มีความสมบูรณ์สูง" (High Integrity ASEAN Carbon Initiative - HACI)

  • สร้างความสอดคล้องและความโปร่งใส: HACI เป็นกลไกที่สร้างความร่วมมือที่สอดคล้องกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาและสร้างคาร์บอนเครดิตที่มีคุณภาพ
  • แพลตฟอร์มกลาง: เป้าหมายคือการพัฒนาแพลตฟอร์มและมาตรฐานกลางที่โปร่งใสสำหรับภูมิภาค เพื่อลดความแตกต่างของมาตรฐานในแต่ละประเทศ และทำให้คาร์บอนเครดิตที่มาจากอาเซียนทั้งหมดได้รับความไว้วางใจจากผู้ซื้อในตลาด VCM ทั่วโลก

บทบาทของภาครัฐและการเชื่อมโยงภายใต้ข้อ 6

รัฐบาลไทยมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและผลักดันตลาดให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเน้นที่นโยบายกำกับดูแล นโยบายของรัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับ ความโปร่งใส (Transparency), การทวนสอบ (Verification) และ การวัดผล (Measurement) เพื่อสร้างความมั่นใจในความถูกต้องของเครดิต

ข้อตกลงภายใต้ข้อ 6 (Article 6 Agreements): เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระดับทวิภาคี ประเทศไทยได้ดำเนินการทำ ข้อตกลงการดำเนินงาน (Implementing Agreement) ภายใต้ข้อ 6 ของความตกลงปารีสกับประเทศที่มีความต้องการคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงและมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ได้แก่ สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และญี่ปุ่น และอยู่ระหว่างการหารือกับนิวซีแลนด์ ข้อตกลงเหล่านี้รับประกันการถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตที่มีความสมบูรณ์และป้องกันการนับซ้ำระหว่างประเทศ

เทคโนโลยี MRV ดิจิทัล หัวใจของการป้องกันการทำซ้ำ

การใช้เทคโนโลยี MRV (Measurement, Reporting, and Verification) แบบดิจิทัลเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาความท้าทายทางเทคนิคและการบริหารจัดการในตลาดคาร์บอน

  1. ความโปร่งใสและปลอดภัยของข้อมูล: MRV แบบดิจิทัลช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลการซื้อขาย และทำให้มั่นใจว่าทุกธุรกรรมมีความโปร่งใส
  2. การป้องกันการทำซ้ำ (Duplication): เทคโนโลยีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างระบบทะเบียน (registry) ที่สามารถตรวจสอบได้และป้องกันการทำซ้ำของธุรกรรมคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นประเด็นที่บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของตลาดคาร์บอนทั่วโลก
  3. แพลตฟอร์ม MRV อาเซียน: ประเทศไทยกำลังร่วมมือกับสิงคโปร์และประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนา แพลตฟอร์ม MRV ดิจิทัลสำหรับอาเซียน โดยได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุน ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการจัดการเครดิตอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

ประเภทโครงการคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย

ประเทศไทยยังคงขยายอุปทานของคาร์บอนเครดิตที่มีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นทั้งสองมิติ:

  • โครงการที่อิงกับธรรมชาติ (Nature-based Projects): โครงการป่าไม้และการเกษตรมีความโดดเด่นและเป็นแหล่งคาร์บอนเครดิตที่มีศักยภาพสูง
  • โครงการทางเทคนิค (Technical Carbon Credit): มีการศึกษาโครงการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น โครงการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Storage) โดยร่วมมือกับองค์กรขนาดใหญ่ เช่น บริษัท ปตท. (PTT) เพื่อรองรับการลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรม

การขับเคลื่อนตลาดคาร์บอนเครดิตของไทยและอาเซียนเป็นการผสมผสานระหว่างการยอมรับมาตรฐานสากล (IC VMC), การสร้างความร่วมมือในภูมิภาค (HACI), การใช้กลไกของความตกลงปารีส (Article 6) และการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล (MRV) ซึ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายร่วมกันคือการสร้าง "ความสมบูรณ์สูง" เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศจากทั่วโลก