ฤดูฝุ่นPM 2.5 พื้นที่เกษตร-ไร่อ้อย ลดเผา-ปรับเครื่องจักร-ใช้ประโยชน์เศษวัสดุ

ฤดูฝุ่นPM 2.5 พื้นที่เกษตร-ไร่อ้อย  ลดเผา-ปรับเครื่องจักร-ใช้ประโยชน์เศษวัสดุ

สำหรับฤดูการผลิตปี 2568/69 ที่จะเริ่มเปิดหีบอ้อยเดือนธ.ค. 2568 นี้ ยังคงวางมาตรการที่เข้มข้นขึ้น เช่น กำหนดปริมาณอ้อยเผาไม่เกิน 20% ต่อวัน และทั้งฤดูการผลิตไม่เกิน 10% ให้โรงงานหยุดรับอ้อยวันที่ 27 ธ.ค.2568 - วันที่ 4 ม.ค. 2569

และขอความร่วมมือรับอ้อยสดเท่านั้นตั้งแต่ช่วงต้นของหีบจนถึงช่วงวันเด็ก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝุ่น ซึ่งมีปัจจัยสภาพอากาศเป็นสำคัญแต่หากปัจจัยการเผาภาคเกษตรยังไม่ลดลงปัญหาฝุ่นจะรุนแรงมากขึ้น

เมื่อเร็วๆนี้  4 องค์กรชาวไร่อ้อย ประกอบด้วย สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย สถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย เข้าพบ   นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขอความช่วยเหลือการจ่ายเงินช่วยเหลือการตัดอ้อยสดฤดูการผลิต 2567/68 และแก้ไขปัญหาราคาอ้อยฤดูการผลิตปี 2568/69

        สำหรับความคืบหน้าการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดี ในอัตรา 69 บาทต่อตัน ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 ดำเนินการจ่ายไปแล้ว 121,065 ราย คิดเป็น 95.77% ของชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ และอยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาการจ่ายเงินช่วยเหลือ และเสนอเพื่อขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อจ่ายเงินเพิ่มเติมให้แก่ชาวไร่อ้อยที่มีคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ให้ความเห็นชอบ 

นอกจากนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังผลักดันการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสด โดยใช้งบประมาณจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ในอัตรา 31 บาทต่อตัน เพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาเผาอ้อยอย่างยั่งยืน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของที่ประชุม

คณะกรรมการบริหารกองทุน (กท.) และคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) โดยผู้แทนชาวไร่อ้อย ผู้แทนโรงงาน และผู้แทนภาครัฐ ร่วมเป็นคณะกรรมการ

มาตรการสนับสนุนลดการเผาอ้อยลดฝุ่น PM 2.5 ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง  นอกจากการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ชาวไร่อ้อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ยังมีการจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร เพิ่มกรอบสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ให้โรงงานได้มีการยกระดับประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้ง ขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐจูงใจเกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีฤดูการผลิตปี 2568/69 เฉพาะอ้อยสดสะอาดคุณภาพดี 100% เท่านั้น ขณะเดียวกัน ขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยนำใบและยอดอ้อยส่งขายให้โรงงานไฟฟ้าชีวมวล เพื่อยกระดับขีดความสามารถของเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีศักยภาพมีรายได้พอเพียงและมั่นคงต่อการดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืน และยังเป็นการส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี รวมทั้งยกระดับกระบวนการผลิตและมีการใช้ประโยชน์จากใบและยอดอ้อยเป็นพลังงานเชื้อเพลิงทดแทน ปลอดเผา

   นายกฤษ อุตตมะเวทิน รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ภาคการเกษตร ครั้งที่ 3/2568 ว่า ที่ประชุมมีการรับทราบประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง มาตรการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ภาคการเกษตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 

       มีสาระสำคัญเพื่อยกระดับความเข้มข้นในการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม เนื่องจากปัญหา PM2.5 ยังคงเป็นส่งผล

กระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการใหม่นี้ได้กำหนดโทษสำหรับผู้ทำการเผาในพื้นที่การเกษตร ในช่วงวันที่ 1 ก.พ. – 31 มี.ค. 2569 โดยให้ขาดคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรของกระทรวงเกษตรฯ หรือหน่วยงานในสังกัดทุกโครงการ เป็นระยะเวลา 2 ปีเต็ม นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2569 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2571 ยกเว้น เฉพาะการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร

       นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้เดินหน้าสนับสนุนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในภาคการเกษตร โดยมุ่งลดผล

กระทบจากปัญหาฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง ผ่านการขับเคลื่อนกิจกรรม “Kick Off ลดการเผา และใช้ประโยชน์เศษวัสดุทางการเกษตร” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรุงเทพมหานคร โดยกิจกรรมดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครนายก

 มีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ตลอดจนการใช้เครื่องจักรกลและนวัตกรรมที่เหมาะสม เพื่อให้เกษตรกรสามารถลดและเลิกการเผาในพื้นที่เกษตรได้อย่างยั่งยืน อีกทั้ง ยังเป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ในการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุทางการเกษตรในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การผลิตปุ๋ยอินทรีย์หรือเชื้อเพลิงชีวมวล 

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการส่งเสริมและขยายผลกิจกรรมดังกล่าวให้ครอบคลุมพื้นที่อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม และสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาลในการลดมลพิษทางอากาศจากภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน