จีน-ญี่ปุ่นชวนWTOถกมาตรฐาน นโยบายปล่อยคาร์บอนต่อการค้า

มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนหรือ CBAM ซึ่งเป็นเครื่องมือของสหภาพยุโรป(EU) ใช้กำหนดราคาที่เป็นธรรมสำหรับคาร์บอนที่ปล่อยออกมาในระหว่างการผลิตสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนเข้มข้นซึ่งมีการนำเข้าสู่สหภาพยุโรป
และเพื่อส่งเสริมการผลิตทางอุตสาหกรรมที่สะอาดขึ้นในประเทศที่อยู่นอกสหภาพยุโรป โดยCBAM จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2569 หลังช่วงเปลี่ยนผ่านตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2568
นี่คือตัวอย่างของนโยบายว่าด้วยสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อการค้า ดังนั้น เมื่อต้นเดือนพ.ย. 2568 ที่ผ่านมา สมาชิกองค์การการค้าโลก( WTO) โดยคณะกรรมการว่าด้วยการค้าและสิ่งแวดล้อม (CTE)
ได้หารือเกี่ยวกับข้อเสนอเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและความร่วมมือที่มากขึ้นว่าด้วยการกำหนดนโยบายการปล่อยก๊าซคาร์บอน หรือ carbon emission policies ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้า
เริ่มที่ จีน แจ้งถึงข้อเสนอใหม่เพื่อเสริมสร้างการหารือและความร่วมมือด้านมาตรฐานคาร์บอน โดยระบุว่ามีข้อกำหนดใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งการค้าและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จีนแจ้งข้อเสนอที่มุ่งต่อยอดความพยายามที่มีอยู่แล้วในองค์กรต่างๆ ของ WTO ผ่านข้อเสนอแนะใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. การดำเนินการทบทวนมาตรฐานคาร์บอนอย่างเป็นระบบ 2. การส่งเสริมการแบ่งปันข้อมูลภายในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ WTO และกับองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ 3.การเสริมสร้างการหารือและความร่วมมือด้านมาตรฐานคาร์บอน และการแก้ไขปัญหาที่ประเทศสมาชิกกำลังพัฒนากำลังเผชิญ
“สมาชิกกว่า 20 ประเทศและสมาชิกในนามกลุ่มประเทศต่างๆ ได้ร่วมประชุมกันเพื่อหารือถึงการจัดการความเสี่ยงและการปรับรูปแบบการทำงานของคณะกรรมาการด้านสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันด้านการกำหนดนโยบายการปล่อยคาร์นอนต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการการทำงานที่ซ้ซ้อนและเพื่อให้แน่ใจว่าขีดความสามารถของประเทศสมาชิกและประเทศกำลังพัฒนาจะสามารถจัดการกับความเสี่ยงว่าด้วยนโยบายการปล่อยคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับการค้าได้”
ด้านญี่ปุ่นได้แจ้งถึงข้อเสนอเกี่ยวกับวิธีการวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนฝังตัว ( embedded carbon emissions :จะคิดจากปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้า ทั้งทางตรงกับทางอ้อมจากกระบวนการผลิตของสินค้า ข้อมูลจาก สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครนายก) โดยประกาศว่าขณะนี้มีผู้สนับสนุนร่วม 8 ประเทศ ได้แก่ ชิลี คอสตาริกา อิสราเอล และนิวซีแลนด์ ร่วมกับออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และสหราชอาณาจักร
โดยญี่ปุ่นเน้นย้ำถึงความสอดคล้องของกฎระเบียบที่จะไม่ก่อให้เกิดภาระผูกพันใหม่ต่อสมาชิก ความร่วมมือพร้อมให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการแก้ไขช่องว่างหรือข้อกังวลใดๆ ที่ยังคงมีอยู่ และร่วมกันผลักดันการหารือโดยมุ่งเน้นไปที่ความโปร่งใสเพื่อการจัดการนโยบายการปล่อยคาร์บอนต่างๆ
“สมาชิกต่างๆ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอของญี่ปุ่น โดยหลายฝ่ายสนับสนุนการมุ่งเน้นไปที่ความโปร่งใส บางส่วนก็ระบุว่าความพยายามนี้ไม่ควรขยายไปถึงการให้คำแนะนำเฉพาะเจาะจง แม้ว่าจะไม่มีข้อผูกมัดก็ตาม ขณะที่สมาชิกหลายฝ่ายย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงมิติการพัฒนาด้วย”
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือกันถึง ข้อเสนอของสหพันธรัฐรัสเซียเกี่ยวกับผลกระทบทางการค้าที่อาจเกิดขึ้นจากสนธิสัญญาระดับโลกในอนาคตเกี่ยวกับมลพิษจากพลาสติก
หลังจากการประชุมเรื่องหลักแล้วยังมีการหารือกำหนดทิศทางเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี และการจัดการเชิงสถาบันต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ภาคเกษตรกรรมที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยมุ่งไปที่นโยบายและความร่วมมือทางการค้าที่จะช่วยส่งเสริมภาคเกษตรกรรมที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นได้อย่างไร ควบคู่ไปกับการสร้างความครอบคลุมในมิติต่างๆด้วย







