COP30 วันที่ 6 ผู้บริหารสินทรัพย์ 10 ล้านล้านดอลลาร์ ตั้งกลไกระดมเงินตามเป้า

COP30 เดินหน้าเร่งสร้างรากฐานการเงิน–จริยธรรม ปลดล็อกการเปลี่ยนผ่านสภาพภูมิอากาศที่เป็นธรรม ปท.ทั่วโลก–ผู้ถือสินทรัพย์ 10 ล้านล้านดอลลาร์ร่วมขับเคลื่อน
KEY
POINTS
- ผู้นำด้านการเงินผลักดันแผน Baku to Belém Roadmap เพื่อระดมทุนอย่างน้อย 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
- จัดประชุมสุดยอดผู้ถือสินทรัพย์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ COP โดยมีผู้บริหารสินทรัพย์มูลค่ารวม 10 ล้านล้านดอลลาร์ เข้าร่วมขับเคลื่อนลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศ
- เกิดแรงสนับสนุนต่อมาตรการจัดเก็บภาษีแบบสมานฉันท์จากภาคส่วนที่ปล่อยมลพิษสูง
- 14 ประเทศประกาศจัดตั้งแพลตฟอร์มระดับชาติ เชื่อมโยงนโยบายสภาพภูมิอากาศเข้ากับแหล่งเงินทุน
“กรุงเทพธุรกิจ” เกาะติดสถานการณ์การประชุม COP30 เข้าสู่วันที่ 6 (เสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2568) ท่ามกลางแรงส่งสำคัญด้านการเงินระหว่างประเทศ กลไกตลาดคาร์บอน นโยบายการค้า และการลดมลพิษที่ไม่ใช่ CO₂ โดยประเทศต่างๆ รวมถึงนักการเงินระดับโลก ภาคธุรกิจ และชุมชน ได้ร่วมประกาศมาตรการสำคัญเพื่อวางรากฐาน การเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม (Just Transition) ที่ให้ความสำคัญกับประชาชน ความเท่าเทียม และการปฏิบัติที่จับต้องได้ในเศรษฐกิจจริง
ปฏิรูประดมเงิน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
ในเวทีระดับรัฐมนตรี ผู้นำด้านการเงิน ธนาคารเพื่อการพัฒนาพหุภาคี (Multilateral Development Banks: MDBs) กองทุนภูมิอากาศ ผู้กำกับดูแลการเงิน และภาคเอกชน ร่วมแถลงทิศทางการดำเนินการตาม Baku to Belém Roadmap ซึ่งระบุความต้องการเงินทุนอย่างน้อย 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศทั่วโลก โดยให้ความสำคัญกับการปฏิรูปเงินทุนแบบ concessional การปรับพันธกิจของ MDBs ระบบกำกับดูแลใหม่ กรอบการลงทุนในประเทศ และเครื่องมือทางการเงินเชิงนวัตกรรม
การหารือที่เน้นผลลัพธ์ได้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถกำหนด หมุดหมายการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม สำหรับประธาน COP30 ของบราซิล ทำให้ Roadmap ฉบับนี้ถูกวางตำแหน่งให้เป็นแผนขับเคลื่อน สำคัญเพื่อเร่งขยายการเงินด้านสภาพภูมิอากาศให้เร็วขึ้น ใหญ่ขึ้น และมีผลลัพธ์มากขึ้น
กลไกเก็บภาษีผู้ปล่อยมาก
ผู้นำที่เข้าร่วมการประชุม COP30 ได้ยืนยันอีกครั้งถึงแรงสนับสนุนระดับโลกที่เพิ่มขึ้นต่อ มาตรการจัดเก็บภาษีแบบสมานฉันท์ (solidarity levies) ซึ่งถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศที่ ยุติธรรม คาดการณ์ได้ และไม่เพิ่มภาระหนี้ ให้กับประเทศกำลังพัฒนา
งานนี้ยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่ลึกซึ้งขึ้นต่อ Premium Flyers Solidarity Coalition พร้อมทั้งเผยแพร่รายงานเชิงเทคนิคฉบับใหม่ ที่ชี้ให้เห็นศักยภาพรายได้มหาศาลจากการจัดเก็บภาษีในภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซจำนวนมาก และเก็บภาษีต่ำกว่าที่ควร เช่น ธุรกรรมการเงิน การบิน การขนส่งทางเรือ และสกุลเงินดิจิทัล
ผู้แทนจากรัฐบาล สถาบันพหุภาคี และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญต่างระบุว่า การเก็บภาษีจากกลุ่มผู้โดยสารระดับพรีเมียม (premium-flyer levies) มีศักยภาพสร้างรายได้อย่างมหาศาล สะท้อนหลักการ “ผู้ก่อมลพิษต้องจ่าย” (polluter pays principle) เพื่อระดมเงินทุนแบบให้เปล่าหรือดอกเบี้ยต่ำ สำหรับการ ปรับตัว การเสริมสร้างความยืดหยุ่น และการเยียวยาความสูญเสีย และความเสียหาย (loss and damage) โดยเฉพาะต่อประเทศเปราะบางที่กำลังเผชิญผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
กลุ่มพันธมิตร Premium Flyers Solidarity Coalition ปัจจุบันมีสมาชิก ได้แก่
เบนิน จิบูตี ฝรั่งเศส เคนยา ไนจีเรีย เซียร์ราลีโอน โซมาเลีย ซูดานใต้ และสเปน
และได้ต้อนรับ แอนติกา และบาร์บูดา บราซิล ฟิจิ และวานูอาตู ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันที่กำลังเติบโต ในงานยังมีการเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้ประเทศต่างๆ เข้าร่วมพันธมิตรนี้เพิ่มขึ้น ก่อนสิ้นสุดการประชุม COP30
แพลตฟอร์มใหม่ 14 ประเทศ เชื่อมเงิน–นโยบาย–ความรู้
ที่ประชุม COP30 มีการประกาศก้าวสำคัญในการจัดวางทิศทางการสนับสนุน และการลงทุนระดับโลกให้สอดคล้องกับลำดับความสำคัญด้านสภาพภูมิอากาศของแต่ละประเทศ โดยมี 14 ประเทศ เปิดเผยแผนจัดตั้งแพลตฟอร์มระดับชาติ (Country Platforms) ผ่านโครงการเตรียมความพร้อมของกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund: GCF Readiness Program)
นอกจากนี้ ยังมีการประกาศเปิดตัว Country Platform Hub ซึ่งผสานเข้ากับ แผนเร่งรัดโซลูชัน COP30 (PAS – Plan to Accelerate Solutions) ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมโยงประเทศต่างๆ เข้ากับความช่วยเหลือทางเทคนิค องค์ความรู้ และแหล่งเงินทุน เพื่อให้ระบบสนับสนุนระดับโลกตอบสนองต่อความต้องการของประเทศอย่างแท้จริง ไม่ซ้ำซ้อนหรือทำงานซ้ำกัน
แพลตฟอร์มระดับประเทศเหล่านี้ช่วยผลักดันการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะในรายงานของ COP30 Circle of Finance Ministers โดยประเทศที่ประกาศจัดตั้ง Country Platforms ได้แก่ กัมพูชา โคลอมเบีย สาธารณรัฐโดมินิกัน อินเดีย คาซัคสถาน เลโซโท มองโกเลีย ไนจีเรีย โอมาน ปานามา รวันดา แอฟริกาใต้ และโตโก
Mapping มาตรฐานการเงินยั่งยืนทั่วโลก
ที่ประชุมยังประกาศผลความคืบหน้าของ Taxonomy Roadmap Initiative ซึ่งริเริ่มตั้งแต่ COP29 โดยร่วมมือกับ The Subsidiary Body (SB) COP และสโมสรการเงินเพื่อการพัฒนา (IDFC) พร้อมเปิดตัว Principles for Taxonomy Interoperability Sustainable Finance Taxonomy Mapper (เครื่องมือดิจิทัลเปรียบเทียบมาตรฐานระหว่างประเทศ)
ความเคลื่อนไหวนี้คือ กุญแจสู่การขยายการเงินด้านสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากการมี taxonomy ที่เทียบเคียงได้ช่วยลดต้นทุนธุรกรรม เพิ่มความเชื่อมั่น และเร่งการลงทุนระยะยาว
ตลาดคาร์บอนภาคบังคับรุกหน้า สมาชิกเพิ่ม 18 ประเทศ
รัฐมนตรีจากหลายประเทศเข้าร่วมประชุมโต๊ะกลมเพื่อผลักดัน Open Coalition on Compliance Carbon Markets ซึ่งขยายสมาชิกเป็น 18 ประเทศ รวมถึง บราซิล จีน สหภาพยุโรป อังกฤษ แคนาดา ชิลี เม็กซิโก สิงคโปร์ และนอร์เวย์
การหารือเน้นเรื่องความโปร่งใส (transparency), ระบบ MRV, โครงการ offset คุณภาพสูง และกรอบธรรมาภิบาลตลาดคาร์บอนระดับโลก
ประเทศต่างๆ เห็นพ้องว่าความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นหัวใจของการทำให้ตลาดคาร์บอนมีความน่าเชื่อถือ และสร้างผลลัพธ์ต่อการลดการปล่อยจริง
เชื่อม ‘การค้า’ กับ ‘สภาพภูมิอากาศ’
ประธาน COP30 เปิดตัวการทำงานของ Integrated Forum on Climate Change and Trade (IFCCT) ซึ่งจัดตั้ง ณ การประชุมสุดยอด Belém Climate Summit เมื่อ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
ผู้แทนจากจีน อังกฤษ ออสเตรเลีย WTO ICC และภาคเอกชน แสดงการสนับสนุนต่อแพลตฟอร์มใหม่นี้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดต้นทุนการค้าของประเทศกำลังพัฒนา และทำให้ระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศสอดคล้องกับการดำเนินงานด้านภูมิอากาศมากขึ้น
เครือข่ายผู้กำกับดูแลระบบการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม (NGFS) ซึ่งมีสมาชิก 146 ธนาคารกลาง และหน่วยงานกำกับดูแล ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ภาคการเงินบูรณาการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศเข้ากับการวิเคราะห์ความเสี่ยงตามสถานการณ์ (scenario analysis), มาตรฐานการเปิดเผยข้อมูล, แผนการเปลี่ยนผ่านของสถาบันการเงิน
ลดมีเทน และ Super Pollutants
Accelerator ด้าน Super Pollutants เผยความคืบหน้าของ Plan to Accelerate Solutions (PAS) เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกที่ทำลายสภาพภูมิอากาศ เช่น มีเทน ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน โดยตั้งเป้าช่วย 30 ประเทศ ลดการปล่อยภายในปี 2030 พร้อมงบตั้งต้น 25 ล้านดอลลาร์ สำหรับ 7 ประเทศแรก ได้แก่ บราซิล กัมพูชา เม็กซิโก อินโดนีเซีย ไนจีเรีย คาซัคสถาน และแอฟริกาใต้
COP30 รายงานว่ามีการเผยแพร่ Plans to Accelerate Solutions แล้ว 114 ฉบับ ครอบคลุม 30 กลุ่มปฏิบัติการ ซึ่งรวมโครงการที่มีอยู่ทั่วโลกไว้ภายใต้กรอบเดียวกัน เพื่อเป้าหมายร่วมภายใต้ 6 แกนหลัก
คาร์ลอส โนเบร นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกของบราซิลเตือนว่า หากต้องการหลีกเลี่ยงการล่มสลายของระบบค้ำจุนชีวิตมนุษย์ เราต้องลดการปล่อยคาร์บอนอย่างน้อย 5% ต่อปี ตั้งแต่วันนี้
เรียกร้องความเป็นธรรม และการปกป้องป่า
ในเขต Green Zone รัฐบาลบราซิล และรัฐบาลท้องถิ่นแถลงความคืบหน้าของโครงการ Mutirões do Código Florestal เพื่อเร่งการบังคับใช้ Forest Code ผ่านการขึ้นทะเบียน การตรวจสอบพื้นที่จริง และการส่งเสริมการผลิตชนบทที่ยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ใน Blue Zone Chief Raoni และคณะ Mẽbêngôkre เรียกร้องผู้เจรจาให้เชื่อมโยงการตัดสินใจด้านคาร์บอน และการเงินกับ “การปกป้องป่าที่ตั้งอยู่จริง” โดยระบุว่า ข้อตกลงใดๆ จะไร้ความหมาย หากไม่สะท้อนสิทธิ ความเป็นผู้นำ และคุณูปการของชนพื้นเมือง
ผู้ถือสินทรัพย์ 10 ล้านล้านดอลลาร์ร่วมขับเคลื่อน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา COP30 ได้จัดประชุม Asset Owners Summit เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในฐานะส่วนหนึ่งของวาระทางการของการประชุม COP โดยมีผู้บริหารสินทรัพย์รายใหญ่ระดับโลกประมาณ 30 รายเข้าร่วม ซึ่งรวมถึง กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกันภัย กองทุนเพื่ออนาคต และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ทั้งหมดนี้ถือครองสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมกันราว 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
การประชุมครั้งนี้ให้ความสำคัญกับการหาแนวทางแก้ไขวิกฤติสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในภาคส่วนที่ลดการปล่อยยาก และกลุ่มประเทศ EMDE (Emerging Markets and Developing Economies)
ผลลัพธ์สำคัญจากการประชุมคือ ผู้บริหารสินทรัพย์เสนอให้จัดตั้ง COP Asset Owner Summit อย่างถาวร และส่งสัญญาณชัดเจนว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะขยายความร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อระดมเงินทุนมุ่งสู่เป้าหมาย 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จำเป็นสำหรับบรรลุ เป้าหมายเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศใหม่ (NCQG – New Collective Quantifiable Goal)
ที่มารูป: COP 30 Press Office (COP30 Brasil Amazônia)
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







