กฟผ. ฟื้นฟูป่าคืนถิ่น ดันขึ้นทะเบียน OECMs หนุนเป้า 30x30

กฟผ. ผนึกภาคีร่วมเวที IBD 2025 โชว์โมเดลฟื้นฟูเหมืองแม่เมาะ จ.ลำปาง พร้อมยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่อนุรักษ์นอกเขตคุ้มครอง OECMs หนุนเป้าหมายความหลากหลายทางชีวภาพระดับชาติ-ระดับโลก
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ฟื้นฟูและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ เหมืองลิกไนต์แม่เมาะ จังหวัดลำปาง อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด กฟผ. เข้าร่วมประชุมวิชาการนานาชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ปี 2568 ภายใต้หัวข้อ "Biodiversity and Humanity in Global Crisis" ในงาน International Conference on Biodiversity 2025 (IBD 2025) โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเปิดการประชุม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568
ฟื้นเหมืองเก่า ส่งคืนผืนป่าแห่งชีวิต
นายปกรณ์ ประดิษฐ์ทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ กฟผ. กล่าวว่า องค์กรมีความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ธรรมชาติ ควบคู่ภารกิจผลิตไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการฟื้นฟูพื้นที่เหมืองลิกไนต์แม่เมาะด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ขนาดกว่า 4,000 ไร่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เหมืองทั้งหมดกว่า 40,200 ไร่ ที่สามารถผลิตถ่านหินลิกไนต์ได้ปีละราว 15 ล้านตัน
"กฟผ. ดูแลฟื้นฟูพื้นที่อย่างเป็นระบบตั้งแต่ปี 2525 ให้กลับคืนสู่สภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์ป่า ช่วย ดูดซับก๊าซเรือนกระจก ลดผลกระทบภาวะโลกร้อน ตามหลักวิชาการจนระบบนิเวศสามารถฟื้นตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ วันนี้จึงกลายเป็นป่าฟื้นฟูที่สมบูรณ์ มีความคล้ายคลึงกับป่าตามธรรมชาติ"
ทั้งนี้ ปัจจุบันประเด็นความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพถือเป็นวาระสำคัญของโลก โดยการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (CBD COP15) ได้รับรองกรอบงานคุนหมิง–มอนทรีออล ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่อนุรักษ์ให้ได้ 30% ของพื้นที่โลกภายในปี 2030 หรือ 30x30
ดังนั้น พื้นที่ฟื้นฟูของกฟผ. จึงได้รับการผลักดันเพื่อขอการรับรองให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตคุ้มครอง OECMs ซึ่งนอกจากช่วยตอบโจทย์เป้าหมายระดับชาติและสากลแล้ว ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในการสร้างสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม
3 โซน 3 บทบาท ของป่าแม่เมาะ
สำหรับการพัฒนาพื้นที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเหมืองแม่เมาะ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่
1. พื้นที่ฟื้นฟูป่าทดแทน โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าผสมผลัดใบ สังคมพืชสามารถฟื้นตัวเองตามธรรมชาติ พบต้นไม้สูงเฉลี่ยกว่า 20 เมตร และมีองค์ประกอบชนิดพรรณไม้สอดคล้องกับระบบนิเวศดั้งเดิม เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด รวมทั้งทำหน้าที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์
2. พื้นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ "ป่าแม่เมาะ" ถูกพัฒนาเป็นพื้นที่ที่เปิดให้ประชาชนเข้ามาเรียนรู้และท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน ถือเป็นพื้นที่รองรับกิจกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติกับผู้คน เช่น
ชมดาวยามค่ำ ทะเลหมอกยามเช้า เดินศึกษาธรรมชาติ-ดูนก เส้นทางวิ่ง-ปั่นจักรยาน โดยมีกิจกรรมจัดอย่างต่อเนื่องใน "เทศกาลท่องเที่ยวแม่เมาะ" ช่วยสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน
กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้แม่เมาะกลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่ชุมชนมีส่วนร่วม ตั้งแต่การอนุรักษ์ป่า การเฝ้าระวังไฟป่า ไปจนถึงการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว
3. แหล่งเรียนรู้ศาสตร์พระราชา ถือเป็นพื้นที่ต้นแบบอนุรักษ์ป่าไม้ โดยยึดหลักกสิกรรมธรรมชาติ "ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง" และได้ขยายองค์ความรู้สู่ป่าชุมชนรอบ อ.แม่เมาะกว่า 20 แห่ง ตั้งแต่ปี 2555 ช่วยสร้างรายได้และความเข้มแข็งให้ชุมชน
ร่วมจัดนิทรรศการ Biodiversity 2025
ในงาน IBD 2025 กฟผ. ได้นำเสนอเรื่องราวการฟื้นฟูเหมืองแม่เมาะร่วมกับนิทรรศการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งงานนี้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติจัดขึ้น โดยมีหน่วยงานเกี่ยวข้องด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศร่วมจัดนิทรรศการ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ประกอบด้วย 7 ส่วนสำคัญ แบ่งเป็น ส่วนที่ 1 ค้นพบปลิงทะเลสกุลใหม่ ส่วนที่ 2 ฟื้นฟูเต่าทะเลผ่านธนาคารเซลล์สัตว์ ส่วนที่ 3 โกงกางกับระบบนิเวศป่าชายเลน ส่วนที่ 4 เห็ดไมคอร์ไรซากับความมั่นคงทางอาหาร ส่วนที่ 5 ฐานข้อมูลพันธุกรรมไก่สู่การใช้ประโยชน์ ส่วนที่ 6 อนุรักษ์พันธุกรรมไก่ด้วยเทคโนโลยี และส่วนที่ 7 รื่นรมย์พรรณไม้ในวังสระปทุม
"พลังงาน-สิ่งแวดล้อม" ความสมดุลใน 20 ปีข้างหน้า
เหมืองลิกไนต์แม่เมาะยังคงทำหน้าที่เป็นแหล่งเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าของประเทศควบคู่ไปอีกกว่า 20 ปี กฟผ. ตระหนักในผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จึงวางแนวทางฟื้นฟูพื้นที่เหมืองให้สอดคล้องกับมาตรฐานความยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และยังสร้างโอกาสทางสังคม-เศรษฐกิจ ช่วยสร้างอาชีพ ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผืนป่าของตน โดยยึดหลักการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การมีส่วนร่วมของชุมชน การใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์เชิงสังคม และการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ถือเป็นแนวทางสำคัญสู่การพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนในระยะยาว
การขับเคลื่อนพื้นที่สู่ OECMs จะเป็นหลักฐานชัดเจนว่า สามารถทำหน้าที่เป็นแหล่งอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพได้จริง หากดำเนินการอย่างเป็นระบบ บริหารจัดการร่วมกับชุมชนและสังคม "เหมืองแม่เมาะ" จะเป็นเหมืองที่รับผิดชอบต่อสังคมสิ่งแวดล้อม และเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อคนรุ่นต่อไป ได้อย่างแท้จริง







