พลิกโฉมเกษตรไทย 'เครดิตสิ่งแวดล้อม' เครื่องมือสำคัญสู่การเกษตรแบบฟื้นฟู

การเกษตรแบบฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) กำลังเป็นทางออกสำคัญในการต่อสู้กับวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง บทบาทของ “เครดิตสิ่งแวดล้อม” (Environmental Credits) ถูกจับตามองในฐานะกลไกใหม่ที่ช่วยดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน และเป็นรายได้เสริมที่จูงใจให้เกษตรกรไทยหันมาปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติ
KEY
POINTS
- "เครดิตสิ่งแวดล้อม" เป็นเครื่องมือทางการเงินใหม่ที่จูงใจให้เกษตรกรไทยเปลี่ยนมาทำการเกษตรแบบฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
- กลไกนี้ช่วยสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรและดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน โดยเปลี่ยนผลลัพธ์เชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่ซื้อขายได้
- ประเทศไทยกำลังขยายผลการใช้ "คาร์บอนเครดิตภาคเกษตร" และพัฒนา "เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ" เพื่อสนับสนุนแนวทางดังกล่าว
- ความท้าทายสำคัญในการนำมาใช้คือความซับซ้อนในการวัดผล (MRV) ความไม่แน่นอนของตลาด และการเข้าถึงข้อมูลและเทคโนโลยีของเกษตรกรรายย่อย
การเกษตรแบบฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) กำลังเป็นทางออกสำคัญในการต่อสู้กับวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง บทบาทของ “เครดิตสิ่งแวดล้อม” (Environmental Credits) ถูกจับตามองในฐานะกลไกใหม่ที่ช่วยดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน และเป็นรายได้เสริมที่จูงใจให้เกษตรกรไทยหันมาปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติ
เกษตรฟื้นฟู พลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
ข้อมูลจากรายงานระดับโลกชี้ว่า ภาคเกษตรกรรมกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความต้องการอาหารคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 50-70% ภายในปี 2593 การเกษตรแบบดั้งเดิมก็เป็นสาเหตุหลักของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งการใช้น้ำจืดทั่วโลกประมาณ 70% และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งหมด
การเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งรวมถึงแนวทางปฏิบัติ เช่น การไถพรวนดินน้อยหรือไม่มีเลย การปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืชหมุนเวียน และวนเกษตร (Agroforestry) ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถ ฟื้นฟูดิน เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ กักเก็บคาร์บอน และเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นประชากรถึงเกือบ 1 ใน 4 ของแรงงานทั่วโลก
เม็ดเงินมหาศาลที่ต้องลงทุน
การเปลี่ยนผ่านระบบอาหารทั่วโลกไปสู่การปฏิบัติแบบฟื้นฟูต้องการเงินลงทุนเพิ่มเติมถึง 80,000 – 105,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี ภายในปี 2573 อย่างไรก็ตาม เกษตรกรมักประสบปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการสนับสนุนโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีแรกของการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งอาจเกิดผลผลิตลดลงชั่วคราวและต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคเชิงระบบที่ขัดขวางการปรับใช้ เช่น การขาดกลไกการแบ่งปันความเสี่ยง (Risk-sharing mechanisms) ที่เข้มแข็ง ข้อมูลไม่เพียงพอ และเครือข่ายสนับสนุนที่กระจัดกระจาย
"เครดิตสิ่งแวดล้อม" ทางรอดใหม่สำหรับเกษตรกร
บทบาทของ "เครดิตสิ่งแวดล้อม" (รวมถึงเครดิตคาร์บอนและความหลากหลายทางชีวภาพ) กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหานี้ เครื่องมือนี้ช่วยให้เกษตรกรสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมและทำให้การทำเกษตรแบบฟื้นฟูมีความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น เนื่องจากมีคุณสมบัติที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนภาคเอกชน เช่น ขนาดการลงทุนที่ไม่สูงมาก สภาพคล่อง และโครงสร้างที่อิงตามผลลัพธ์ (Outcome-based structure)
การเคลื่อนไหวในระดับโลก: บทเรียนสำหรับไทย
โครงการนำร่องระดับโลกอย่าง Project Hummingbird ซึ่งนำโดย Bayer และ PlanetaryX กำลังทดสอบโมเดลธุรกิจใหม่ที่รวมเอาผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมหลายด้านเช่น การกักเก็บคาร์บอน ความหลากหลายทางชีวภาพ สุขภาพดิน และระบบน้ำที่ดีขึ้น เข้าไว้ในแพ็กเกจเครดิตเดียว เรียกว่า Ecosystem Resilience Assets โดยตั้งเป้าให้เงินทุนอย่างน้อย 75% กลับคืนสู่เกษตรกรโดยตรง
โครงการนี้ตอกย้ำถึงแนวคิด "ธรรมชาติเป็นสินทรัพย์" (Nature as an asset class) และความจำเป็นในการวัดและให้รางวัลแก่เกษตรกรสำหรับบทบาทการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
โอกาสและความท้าทายในการนำมาใช้ในประเทศไทย
ในประเทศไทย, ภาคการเกษตรเป็นรากฐานเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรแบบฟื้นฟูเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่เผชิญกับภัยแล้งและน้ำท่วมบ่อยครั้ง
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย
กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยมีนโยบายสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านกลไกตลาดคาร์บอน โดยเฉพาะ "คาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้" ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี และกำลังขยายผลไปสู่ "คาร์บอนเครดิตภาคเกษตร"
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) อยู่ระหว่างการพัฒนาและส่งเสริมเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น "เครดิตความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Credits)" เพื่อดึงดูดเงินทุนเอกชนมาสนับสนุนพื้นที่อนุรักษ์และการปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเกษตรกร (อ้างอิง: ข้อมูล สผ. และกลไกที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ)
ความท้าทายในไทย
การนำเครดิตสิ่งแวดล้อมมาใช้ในไทยยังเผชิญความท้าทายที่คล้ายคลึงกับระดับโลก ได้แก่
- ความไม่แน่นอนของรายได้: ตลาดเครดิตสิ่งแวดล้อมยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
- ความซับซ้อนของการวัดผล: การวัดผล การรายงาน และการทวนสอบ (MRV) ที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง อาจทำให้เกษตรกรรายย่อยไม่กล้าเข้าร่วม
- การเข้าถึงข้อมูลและเทคโนโลยี: ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของทุนทางธรรมชาติ (Natural Capital) ยังไม่เพียงพอ และการเข้าถึงเทคโนโลยีที่แม่นยำยังมีข้อจำกัด
ผลลัพธ์ทางสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในโครงการนำร่องต่างๆ จะช่วยยกระดับเครดิตสิ่งแวดล้อมจากแนวคิดเฉพาะกลุ่มให้เป็นเครื่องมือกระแสหลักสำหรับการเกษตรแบบฟื้นฟู ซึ่งจะให้ประโยชน์ทั้งต่อธรรมชาติ เกษตรกร และชุมชนในประเทศไทย
ที่มา : Bayer , PlanetaryX







